ยังคงเรียกแขกได้เป็นระยะๆ เมื่อสหรัฐ อเมริกาประกาศเสนอเรียกเก็บภาษีจากเหล็กและอะลูมิเนียมนำเข้าเพิ่มขึ้นไปอีก เป็นอย่างน้อย 24% ไม่ว่าจะนำเข้ามาจากประเทศใดก็ตาม คู่ค้าและผู้ส่งออกเหล็กกล้ารายใหญ่อย่างจีนก็ฮึ่มฮั่มขู่กลับในทันทีว่า หากสหรัฐฯขึ้นภาษีอย่างไร้เหตุผล จีนก็ยินดีโต้กลับด้วยมาตรการที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
ข้อเสนอขึ้นภาษีดังกล่าวถูกระบุโดยนายวิลเบอร์ รอส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ก็ยังเป็นเพียงข้อเสนอและยังไม่มีรายละเอียดมากนัก
[caption id="attachment_261376" align="aligncenter" width="503"]
วิลเบอร์ รอส[/caption]
ข่าวระบุว่านายวิลเบอร์ รอส ได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในสัปดาห์นี้ เพื่อหารือในรายละเอียด เช่น กรณีของเหล็กกล้านำเข้า อาจเรียกเก็บภาษีเพิ่มในบางส่วน ไม่ใช่ทั้งหมด ยกตัวอย่างเช่นเหล็กกล้านำเข้าจาก 12 ประเทศ อาจถูกเรียกเก็บภาษีถึง 53% อาทิ เหล็กกล้าจากจีน รัสเซีย อินเดีย และเกาหลีใต้ แต่บางประเทศก็จะไม่โดน เช่น ญี่ปุ่น เยอรมนี และแคนาดา
++จีนขู่ฟ้อง WTO
ก่อนหน้านี้ บริษัทผู้ผลิตเหล็กกล้าและสหภาพคนงานโรงถลุงเหล็กสหรัฐฯได้พยายามร้องเรียนต่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ให้ออกมาปกป้องอุตสาหกรรมภายในประเทศ เพราะสินค้าจากต่างประเทศได้รับการอุดหนุนจากรัฐบาลต่างๆ สร้างความไม่เป็นธรรมให้กับสินค้าของสหรัฐฯที่ถูกขายตัดราคา กระทั่งในที่สุดมีการเสนอให้เรียกเก็บภาษีเหล็กกล้านำเข้าในอัตราเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งฝ่ายจีนได้ออกมาให้ความเห็นแล้วว่า หากสหรัฐฯเก็บภาษีเพิ่มขึ้นจริง จีนก็จะตอกกลับ
“หากการตัดสินใจขั้นสุดท้ายของสหรัฐฯ ส่งผลกระทบผลประโยชน์ของจีน จีนก็จะใช้มาตรการที่จำเป็นในการพิทักษ์สิทธิ์ของเราเอง” นายหวัง เหอจุน หัวหน้าฝ่ายสืบสวนและแก้ไขข้อพิพาททางการค้าของกระทรวงพาณิชย์จีนกล่าว ทั้งนี้จีนครองตลาดเหล็กกล้าของสหรัฐฯประมาณ 1% เท่านั้น ถ้าถูกสหรัฐฯบีบคั้น จีนจะนำเรื่องไปยื่นฟ้องต่อองค์การการค้าโลก (ดับบลิวทีโอ) ซึ่งกระบวนการต่อสู้คดีอาจจะใช้เวลามากกว่า 1 ปี
จีนเองถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ผลิตเหล็กกล้าส่งออกรายใหญ่และทำให้สินค้าล้นตลาดในเวทีโลก แต่ระยะหลังๆรัฐบาลจีนได้พยายามแก้ไขปัญหาด้วยการลดหรือจำกัดการส่งออกเหล็กกล้า แล้วหันมาส่งออกอะลูมิเนียมเพิ่มมากขึ้น ทำให้ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่จีนมีตัวเลขการส่งออกเหล็กกล้าตํ่าที่สุดในรอบ 5 ปี
++ญี่ปุ่น-เกาหลีดูเชิง
ด้านผู้แทนจากเกาหลีใต้ซึ่งเป็นผู้ส่งออกเหล็กกล้ารายใหญ่อีกประเทศหนึ่ง ให้ความเห็นหลังพบปะตัวแทนจากบริษัทผู้ผลิตเหล็กกล้าภายในประเทศว่า จะรีบหารือกับสหรัฐฯ ก่อนที่สหรัฐฯจะตัดสินใจในขั้นสุดท้ายของเรื่องนี้ เป้าหมายก็เพื่อลดหรือเลี่ยงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับเหล็กกล้าส่งออกของจีน ขณะที่กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม (เมติ) ของญี่ปุ่นออกมาระบุว่า เหล็กกล้าส่งออกจากญี่ปุ่นไปยังตลาดสหรัฐฯ ไม่เป็นภัยคุกคามสินค้าท้องถิ่นแต่อย่างใด และเนื่องจากสหรัฐฯยังไม่ได้ตัดสินใจ ญี่ปุ่นจึงไม่ต้องการออกความเห็นมากไปกว่านี้ แต่จะติดตามความคืบหน้าในเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,342 วันที่ 22 - 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561