หุ้นไทยวันนี้แกว่งตัวผันผวน
-21 ก.พ.61-บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กรุงศรี จำกัด มหาชน คาดการณ์แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ : ประเมินว่า SET จะแกว่งตัวผันผวนในกรอบ 1,790 - 1,810 จุด เนื่องจากคาดว่านักลงทุนจะชะลอการเข้าซื้อเพื่อรอรายงานการประชุม FED ในวันนี้ว่า จะมีสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างไรหลัง US Bond Yield 10 ปีสหรัฐพุ่งขึ้นสู่ 2.9% จากภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้น นอกจากนี้ Fund Flow ต่างชาติที่ไหลออกต่อเนื่องโดยเป็น Net Sell 4.3 หมื่นลบ (YTD) จะเป็นแรงกดดันต่อภาวะตลาดด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตามงบ PTT ที่รายงานแข็งแกร่งและมีการแตกพาร์ รวมถึงแรงซื้อดักงบและปันผลปี 2017 ของบริษัทฯจะช่วยพยุงดัชนีในจังหวะที่อ่อนตัวได้
ประเด็นสำคัญวันนี้:
(-) Fund Flow ต่างชาติพลิกเป็นลบอีกครั้งวานนี้กลับมาขายสุทธิในทุกตลาด : วานนี้นักลงทุนต่างชาติพลิกกลับมาขายสุทธิในตลาดหุ้นภูมิภาค US$189 ล้าน โดยขายมากที่สุดในตลาดหุ้นเกาหลีใต้ US$103 ล้าน ตามด้วยประเทศในกลุ่ม TIP ซึ่งขายไทยมากที่สุด US$63.4 ล้าน ตามด้วย อินโดฯ และ ฟิลิปปินส์ US$14.6 ล้าน และ US$8.1 ล้าน ตามลำดับ
(+) ราคาน้ำมันดิบฟื้นตัวตอบรับข่าวสต๊อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่งของสหรัฐลดลง : ราคาน้ำมันดิบ WTI เคลื่อนไหวผันผวนในกรอบจำกัดแต่ก็เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้า 22 เซนต์ (+0.4%) ปิดที่ 61.9 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เนื่องจากตลาดตอบรับข่าวสต๊อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่งซึ่งเป็นจุดส่งมอบน้ำมันของสหรัฐลดลงจากระดับ 36.3 ล้านบาร์เรล เป็น 32.7 ล้านบาร์เรล เนื่องจากการส่งน้ำมันดิบผ่านท่อส่งจากแคนาดาไปยังสหรัฐมีปริมาณลดลง อันเนื่องจากข้อจำกัดของท่อส่งน้ำมันคีย์สโตน นอกจากนี้ตลาดยังคงได้แรงหนุนจากการที่กลุ่ม OPEC ออกมาให้คำมั่นว่าจะลดกำลังการผลิตที่ระดับ 1.8 ล้านบาร์เรลไปจนถึงสิ้นปี
(-) Bond yield 10 ปี ของสหรัฐยังทรงตัวในระดับสูง ยังเป็นปัจจัยลบหลักที่กดดันบรรยากาศการลงทุนในช่วงนี้: ล่าสุดอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีของสหรัฐ (Bond yield 10 year) กลับมาเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 2.9% จากที่ลดลงสู่ระดับ 2.84% ทั้งนี้หาก Bond yield ยังเพิ่มขึ้นและทะลุระดับ 3% ซึงเป็นจุดสูงสุดในรอบ 4 ปี จะทำให้ตลาดกลับมากังวลต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดอีกครั้งนับเป็นปัจจัยลบที่เรายังต้องติดตาม
(+/-) FED Minute ไม่น่ามีอะไรใหม่ คาดคงมุมมองปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไปตามเดิม : คืนวันนี้ ติดตามการเปิดเผยรายงานการประชุมของเฟดในวันที่ 31 ม.ค. -1 ก.พ. ที่ผ่านมาเพื่อจับสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด และมุมมองต่อทิศทางเศรษฐกิจของสหรัฐ เบื้องต้นเราคาดว่าจะยังไม่มีอะไรใหม่คาดมุมมองคณะกรรมการเฟดน่าจะเห็นพ้องให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไปตามเดิม เช่นเดียวกับเราที่ยังเชื่อว่าเฟดจะขึ้นอัตรดอกเบี้ยในปีนี้ที่ 3 ครั้ง คือ มี.ค., มิ.ย. และ ธ.ค.
(-) Fund Flow ต่างชาติพลิกเป็นลบอีกครั้งวานนี้กลับมาขายสุทธิในทุกตลาด : วานนี้นักลงทุนต่างชาติพลิกกลับมาขายสุทธิในตลาดหุ้นภูมิภาค US$189 ล้าน โดยขายมากที่สุดในตลาดหุ้นเกาหลีใต้ US$103 ล้าน ตามด้วยประเทศในกลุ่ม TIP ซึ่งขายไทยมากที่สุด US$63.4 ล้าน ตามด้วย อินโดฯ และ ฟิลิปปินส์ US$14.6 ล้าน และ US$8.1 ล้าน ตามลำดับ
(+) ราคาน้ำมันดิบฟื้นตัวตอบรับข่าวสต๊อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่งของสหรัฐลดลง : ราคาน้ำมันดิบ WTI เคลื่อนไหวผันผวนในกรอบจำกัดแต่ก็เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้า 22 เซนต์ (+0.4%) ปิดที่ 61.9 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เนื่องจากตลาดตอบรับข่าวสต๊อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่งซึ่งเป็นจุดส่งมอบน้ำมันของสหรัฐลดลงจากระดับ 36.3 ล้านบาร์เรล เป็น 32.7 ล้านบาร์เรล เนื่องจากการส่งน้ำมันดิบผ่านท่อส่งจากแคนาดาไปยังสหรัฐมีปริมาณลดลง อันเนื่องจากข้อจำกัดของท่อส่งน้ำมันคีย์สโตน นอกจากนี้ตลาดยังคงได้แรงหนุนจากการที่กลุ่ม OPEC ออกมาให้คำมั่นว่าจะลดกำลังการผลิตที่ระดับ 1.8 ล้านบาร์เรลไปจนถึงสิ้นปี
(-) Bond yield 10 ปี ของสหรัฐยังทรงตัวในระดับสูง ยังเป็นปัจจัยลบหลักที่กดดันบรรยากาศการลงทุนในช่วงนี้: ล่าสุดอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีของสหรัฐ (Bond yield 10 year) กลับมาเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 2.9% จากที่ลดลงสู่ระดับ 2.84% ทั้งนี้หาก Bond yield ยังเพิ่มขึ้นและทะลุระดับ 3% ซึงเป็นจุดสูงสุดในรอบ 4 ปี จะทำให้ตลาดกลับมากังวลต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดอีกครั้งนับเป็นปัจจัยลบที่เรายังต้องติดตาม
(+/-) FED Minute ไม่น่ามีอะไรใหม่ คาดคงมุมมองปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไปตามเดิม : คืนวันนี้ ติดตามการเปิดเผยรายงานการประชุมของเฟดในวันที่ 31 ม.ค. -1 ก.พ. ที่ผ่านมาเพื่อจับสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด และมุมมองต่อทิศทางเศรษฐกิจของสหรัฐ เบื้องต้นเราคาดว่าจะยังไม่มีอะไรใหม่คาดมุมมองคณะกรรมการเฟดน่าจะเห็นพ้องให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไปตามเดิม เช่นเดียวกับเราที่ยังเชื่อว่าเฟดจะขึ้นอัตรดอกเบี้ยในปีนี้ที่ 3 ครั้ง คือ มี.ค., มิ.ย. และ ธ.ค.
