นกแอร์ชูแผนปี61ลดต้นทุนลุยขยายเส้นทางต่อเนื่อง

19 ก.พ. 2561 | 11:05 น.
กรุงเทพฯ (19 ก.พ. 2561) สายการบินนกแอร์ แถลงผลประกอบการปี 2560 โดยมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น ส่งสัญญาณให้เห็นถึงการฟื้นตัว และการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน แม้ว่าจะอยู่ในสภาวะที่มีการแข่งขันสูงก็ตาม

นายปิยะ ยอดมณี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปีที่ผ่านมา นกแอร์ สายการบินชั้นนำของคนไทย มีจำนวนผู้โดยสาร 8 ล้านคน และมีรายได้เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ร้อยละ 11 โดยได้มีการเปิดให้บริการเส้นทางใหม่ไปยังประเทศจีน ทำให้มีเส้นทางรวมทั้งสิ้น 19 เส้นทาง และมีการเพิ่มศักยภาพของสายการบินด้วยการรับเครื่องบินแบบโบอิ้ง 737-800 ลำใหม่ จำนวน 2 ลำเข้าสู่ฝูงบิน อีกทั้งยังคงมีสถิติการตรงต่อเวลาของเที่ยวบินในระดับที่ดีเยี่ยม โดยมีอัตราการตรงต่อเวลาของเที่ยวบินอยู่ที่ร้อยละ 80 ของเที่ยวบินทั้งหมดที่ทำการบินในปีที่แล้ว แผนธุรกิจที่สายการบินได้วางแผนไว้นั้นมีการเดินหน้าอย่างรวดเร็ว ซึ่งความสำเร็จดังกล่าวเกิดขึ้นจากการวางแผนการฟื้นฟูธุรกิจของบริษัทที่มีประสิทธิภาพ

noka

สำหรับแผนการนำเครื่องบินแบบโบอิ้ง 737-800 ออกจากฝูงบินในปีที่ผ่านมานั้น ส่งผลให้สายการบินสามารถลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาเครื่องบิน และทำให้มีอัตราการใช้เครื่องบินต่อลำเพิ่มขึ้นจาก 7 ชั่วโมงปฏิบัติการการบินต่อวัน เป็น 10.4 ชั่วโมงปฏิบัติการการบินต่อวัน ซึ่งนับว่าใกล้เคียงกับเป้าหมายที่วางไว้ในปี 2561 นี้ว่าจะให้มีอัตราการใช้เครื่องบินต่อลำอยู่ที่ 12 ชั่วโมงปฏิบัติการการบินต่อวัน โดยหากเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ จะช่วยเพิ่มรายได้ของสายการบินได้อย่างมากในปีนี้

“เรายังคงมุ่งเน้นการปรับปรุงประสิทธิภาพ และความเชื่อมั่นของสายการบิน อีกทั้งยังคงพยายามที่จะลดต้นทุนการดำเนินงาน ให้มีต้นทุนที่ลดลงกว่าปีก่อน ในปี 2561 นี้ แผนการขยายธุรกิจของนกแอร์ จะมีการสร้างเครือข่ายเส้นทางที่แข็งแกร่งของเราอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจที่สำคัญของสายการบินสองกลุ่มหลัก ๆ ได้แก่ กลุ่มไทยกรุ๊ป (THAI Group) และกลุ่มแวลู อัลไลแอนซ์ (Value Alliance) ซึ่งทำให้เราสามารถก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง และหากมองในแง่ดีสายการบินยังคงมีความสามารถในดำเนินธุรกิจให้เป็นไปตามแผนการที่ได้วางไว้ แม้ว่าจะอยู่ในสภาวะที่มีการแข่งขันสูงก็ตาม”

nokair12

นายปิยะ ยังชี้ให้เห็นว่า ในช่วงปี 2560 นกแอร์ประสบความสำเร็จในการดำเนินงานด้านต่าง ๆ มากมาย อาทิ การเปิดตัว “นกเลือกได้” ซึ่งเป็นบริการจองตั๋วโดยสารรูปแบบใหม่ การนำเครื่องบินแบบโบอิ้ง 737-800 บางส่วนออกจากฝูงบิน การขยายฐานการบินใหม่ไปยังท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา การเปิดให้บริการเส้นทางบินตรงแม่สอด-ย่างกุ้ง และการประกาศแผนการเปิดบริการเส้นทางบินใหม่ อุดรธานี-อุบลราชธานี ซึ่งได้เปิดให้บริการไปแล้วเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา

ปีที่ผ่านมานกแอร์มีจำนวนผู้โดยสารอยู่ในอัตราที่ใกล้เคียงกับจำนวนผู้โดยสารในปี 2559 และมีอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 86 จากร้อยละ 85 ในปีก่อนหน้า

สายการบินยังมีปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสาร (Available Seat Kilometers: ASK) ที่มีการเติบโตเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 8 เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2559 และมีรายได้รวมอยู่ที่ 14,000 ล้านบาท

ผลประกอบการในปี 2560 โดยรวมมีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะผลการดำเนินงานในไตรมาสที่4 ซึ่งในไตรมาสดังกล่าวสายการบินมีรายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน คิดเป็น 3.9 พันล้านบาท ในขณะที่มีจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 คิดเป็น 2.4 ล้านคน และมีปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสาร เพิ่มขึ้นร้อยละ 14 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

ปี 2560 สายการบินได้เปิดให้บริการเส้นทางใหม่ไปยังเมืองต่างๆในประเทศจีน ได้แก่ เมืองเป่าโถว เมืองฉางซา เมืองจุนอี้ เมืองเจิ้งโจว เมืองเฉิงตู เมืองต้าถง เมืองไห่โขว เมืองหลินยี่ เมืองเหมยเซี่ยน เมืองหนานชาง เมือง หนานหนิง เมืองหนานทง เมืองเหยียนเฉิง เมืองหยินชวน และเมืองอี๋ชาง โดยเป็นเส้นทางที่ให้บริการจากดอนเมือง เชียงใหม่ ภูเก็ต และอู่ตะเภา

NOKAIR

ปีที่แล้วนกแอร์ได้มีการรับเครื่องบินแบบโบอิ้ง 737-800 ลำใหม่ เพิ่มเข้าฝูงบินจำนวน 2 ลำ ซึ่งทำให้จำนวนเครื่องบินของนกแอร์มีจำนวนทั้งสิ้น 30 ลำ ประกอบไปด้วย เครื่องบินแบบโบอิ้ง 737-800 จำนวน 20 ลำ เครื่องบินบอมบาร์ดิเอร์ รุ่น Q400 จำนวน 8 ลำ และเครื่องบินแบบเอทีอาร์รุ่น 72-500 จำนวน 2 ลำ

ปี 2561 นกแอร์ตั้งเป้าว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้น 3 พันล้านบาท โดยมีการประมาณการจำนวนผู้โดยสารอยู่ที่ 9 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 4 จากจำนวนผู้โดยสารในปี 2560 และมีปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสารเพิ่มขึ้นร้อยละ 29 จากปีก่อน

“นกแอร์มีความมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับกลุ่มไทยกรุ๊ป ซึ่งเป็นกลุ่มพันธมิตรที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่าง สายการบินไทย สายการบินไทยสมายล์ และนกแอร์ โดยอาจจะเป็นการร่วมมือกันในด้านของการจองเที่ยวบินในเส้นทางดอนเมือง - แม่ฮ่องสอน ที่นกแอร์จะเป็นผู้ทำการบิน ซึ่งผู้โดยสารจะสามารถจองบัตรโดยสารได้จากเว็บไซต์ของทั้ง3สายการบิน และระหว่างนี้นกแอร์ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาเปิดเส้นทางบินใหม่ไปยังประเทศอินเดีย ในเดือนมิถุนายนนี้ด้วย ขณะเดียวกันสายการบินยังคงมุ่งเน้นการทำตลาดไปที่ประเทศจีน โดยอาจจะมีการเพิ่มความถี่ของเที่ยวบิน ในเส้นทางที่มีอยู่หรือแม้แต่การเพิ่มเส้นทางใหม่ ๆ ให้มากขึ้น”

อีกทั้งตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้จากการให้บริการเที่ยวบินระหว่างประเทศ เป็นร้อยละ 40 จากร้อยละ 20 ในปีที่ผ่านมา และมีรายได้จากการให้บริการเที่ยวบินภายในประเทศเป็นร้อยละ 60 จากร้อยละ 80 ในปี 2560

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว