Play
ฟินันเซียตั้งเป้าปีนี้ แชมป์เทรดออนไลน์
Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่
ฟินันเซีย ไซรัส ชิงตลาด “เทรดออนไลน์” ตั้งเป้าดันส่วนแบ่งตลาดเป็น10-15% ขึ้นแท่นเบอร์ 1ปีนี้
ธุรกิจหลักทรัพย์ออนไลน์แนวโน้มแข่งขันรุนแรง โดยเฉพาะการซื้อขายหุ้นบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ล่าสุด บริษัทฟินันเซียไซรัส จำกัด (มหาชน)(FSS) ผนึกพันธมิตรจากเกาหลีใต้ ผู้เชี่ยวชาญการเทรดหุ้นออนไลน์ ร่วมกันบุกตลาดในเมืองไทย
นายช่วงชัย นะวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร FSS กล่าวว่าเป็นความท้าทายของอุตสาหกรรมหลักทรัพย์ จากการที่ฟินเทคเข้ามีบทบาทมากขึ้นจนส่งผลกระทบการทำธุรกิจในแนวเดิมของโบรกเกอร์หากไม่ปรับตัว
การซื้อขายหลักทรัพย์ ของนักลงทุนบุคคลในปี 2560 ที่มีมูลค่า 7.98 ล้านล้านบาทเป็นการซื้อขายผ่านออนไลน์ถึง 68% เพิ่มจาก 65% ในปี 2559จำนวนนี้กว่า 60% เป็นการซื้อขายผ่านทางโทรศัพท์มือถือที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และอีก 40% ซื้อขายผ่าน PC
ปีนี้ FSS ตั้งเป้าหมายที่จะพัฒนาเป็นโบรกเกอร์เพื่อรายย่อยอันดับหนึ่งของไทยโดยเฉพาะการเป็นเบอร์ 1 ทางด้านการซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านออนไลน์ บริษัทจึงเซ็นสัญญาเป็นพันธมิตรกับ Kiwoom Securities บริษัทหลักทรัพย์อันดับหนึ่ง 12 ปีซ้อนของเกาหลีใต้ พัฒนาแอพพลิเคชันที่ทันสมัยสุดหลากหลายฟีเจอร์ ซึ่งจะเปิดตัวในวันที่ 6 มีนาคมนี้
สัญญาดังกล่าวมีระยะเวลา 15 ปี FSS ตั้งเป้าหมายเพิ่มส่วนแบ่งตลาดเทรดออนไลน์ จากที่เป็นอันดับ 2 มา 3 ปีที่ 7.4% (รองจากบล.เมย์แบงก์กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ที่ครองส่วนแบ่ง 9.0%) มาเป็น 10% ภายใน 2 ปี โดยมียอดเปิดบัญชีเพิ่ม 2 เท่าตัว หรือเพิ่ม 1 แสนบัญชีเป็น 1.5 แสนบัญชี และแผนระยะกลางภายใน 5 ปีจะเพิ่มส่วนแบ่งตลาดเป็น 15%
นอกจากนี้ยังได้เตรียมความพร้อมรองรับการเป็นออนไลน์โบรกเกอร์เต็มตัว อาทิบริการ One Stop Service ที่รวมศูนย์ให้บริการในเบอร์โทรเดียวการทำ Single Sign-on รองรับบริการ SBL, IPO, MIS, E-payment,การยืนยันตัวตนผ่านออนไลน์ “ KYC”
FSS ยังได้ตั้งเป้าหมายในเรื่อง IPO โดยมุ่งเน้นการคัดสรรหุ้น IPO ที่มีคุณภาพ การขยายตลาดใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ โดยตั้งเป้าขึ้นเป็นท๊อป 3 ในปีนี้ ตลอดจนการเพิ่มวงเงิน Block Trade เพื่อรองรับปริมาณธุรกรรมที่มากขึ้น การขยายตลาดต่างประเทศ เช่น การเข้าสู่ตลาดเวียดนาม ปัจจุบันFSS มีสัดส่วนลูกค้ารายย่อย(บุคคล) 70-80% และลูกค้าสถาบัน 20-30%
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,341 วันที่ 18 - 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561
ธุรกิจหลักทรัพย์ออนไลน์แนวโน้มแข่งขันรุนแรง โดยเฉพาะการซื้อขายหุ้นบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ล่าสุด บริษัทฟินันเซียไซรัส จำกัด (มหาชน)(FSS) ผนึกพันธมิตรจากเกาหลีใต้ ผู้เชี่ยวชาญการเทรดหุ้นออนไลน์ ร่วมกันบุกตลาดในเมืองไทย
นายช่วงชัย นะวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร FSS กล่าวว่าเป็นความท้าทายของอุตสาหกรรมหลักทรัพย์ จากการที่ฟินเทคเข้ามีบทบาทมากขึ้นจนส่งผลกระทบการทำธุรกิจในแนวเดิมของโบรกเกอร์หากไม่ปรับตัว
การซื้อขายหลักทรัพย์ ของนักลงทุนบุคคลในปี 2560 ที่มีมูลค่า 7.98 ล้านล้านบาทเป็นการซื้อขายผ่านออนไลน์ถึง 68% เพิ่มจาก 65% ในปี 2559จำนวนนี้กว่า 60% เป็นการซื้อขายผ่านทางโทรศัพท์มือถือที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และอีก 40% ซื้อขายผ่าน PC
ปีนี้ FSS ตั้งเป้าหมายที่จะพัฒนาเป็นโบรกเกอร์เพื่อรายย่อยอันดับหนึ่งของไทยโดยเฉพาะการเป็นเบอร์ 1 ทางด้านการซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านออนไลน์ บริษัทจึงเซ็นสัญญาเป็นพันธมิตรกับ Kiwoom Securities บริษัทหลักทรัพย์อันดับหนึ่ง 12 ปีซ้อนของเกาหลีใต้ พัฒนาแอพพลิเคชันที่ทันสมัยสุดหลากหลายฟีเจอร์ ซึ่งจะเปิดตัวในวันที่ 6 มีนาคมนี้
สัญญาดังกล่าวมีระยะเวลา 15 ปี FSS ตั้งเป้าหมายเพิ่มส่วนแบ่งตลาดเทรดออนไลน์ จากที่เป็นอันดับ 2 มา 3 ปีที่ 7.4% (รองจากบล.เมย์แบงก์กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ที่ครองส่วนแบ่ง 9.0%) มาเป็น 10% ภายใน 2 ปี โดยมียอดเปิดบัญชีเพิ่ม 2 เท่าตัว หรือเพิ่ม 1 แสนบัญชีเป็น 1.5 แสนบัญชี และแผนระยะกลางภายใน 5 ปีจะเพิ่มส่วนแบ่งตลาดเป็น 15%
นอกจากนี้ยังได้เตรียมความพร้อมรองรับการเป็นออนไลน์โบรกเกอร์เต็มตัว อาทิบริการ One Stop Service ที่รวมศูนย์ให้บริการในเบอร์โทรเดียวการทำ Single Sign-on รองรับบริการ SBL, IPO, MIS, E-payment,การยืนยันตัวตนผ่านออนไลน์ “ KYC”
FSS ยังได้ตั้งเป้าหมายในเรื่อง IPO โดยมุ่งเน้นการคัดสรรหุ้น IPO ที่มีคุณภาพ การขยายตลาดใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ โดยตั้งเป้าขึ้นเป็นท๊อป 3 ในปีนี้ ตลอดจนการเพิ่มวงเงิน Block Trade เพื่อรองรับปริมาณธุรกรรมที่มากขึ้น การขยายตลาดต่างประเทศ เช่น การเข้าสู่ตลาดเวียดนาม ปัจจุบันFSS มีสัดส่วนลูกค้ารายย่อย(บุคคล) 70-80% และลูกค้าสถาบัน 20-30%
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,341 วันที่ 18 - 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561
