ตลาดลิฟต์-บันไดเลื่อนบูม อานิสงส์รถไฟฟ้า-อาคารใหญ่‘มิตซูบิชิฯ’มุ่งกลุ่มไฮเอนด์

20 ก.พ. 2561 | 23:00 น.
ตลาดลิฟต์และบันไดเลื่อนรับอานิสงส์อสังหาฯโหมเปิดโครงการ “มิตซูบิชิ เอลเลเวเตอร์” วางแผนเจาะเข้าโครงการแนวราบ-แนวสูง เผยมิกซ์ยูสมีส่วนผลักดันอย่างมาก

นายสันติพงษ์ บูรณกฤตยกรณ์ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายการตลาดและการขาย บริษัท มิตซูบิชิ เอลเลเวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปลายปี 2560 ตลาดลิฟต์และบันไดเลื่อนขยายตัวเพิ่มสูงมากขึ้น เนื่องจากผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ เร่งขยายโครงการที่อยู่อาศัย ทั้งในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นย่าน นนทบุรี สมุทรปราการ มีนบุรี กรุงธนบุรี รวมไปถึงแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดต่างๆ อาทิ พัทยา, เชียงใหม่ และภูเก็ต เป็นต้น โดยมุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์ ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ ลิฟต์ และบันไดเลื่อน “มิตซูบิชิ” เติบโตตามไปด้วย เพราะสามารถตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าไฮเอนด์ ที่ให้ความเชื่อมั่นในคุณภาพได้เป็นอย่างดี

[caption id="attachment_260183" align="aligncenter" width="503"] สันติพงษ์ บูรณกฤตยกรณ์ สันติพงษ์ บูรณกฤตยกรณ์[/caption]

ในปีนี้ มิตซูบิชิ เอลเลเวเตอร์ วางแผนรุกตลาดที่อยู่อาศัยทั้งแนวราบและแนวสูง โดยชูจุดแข็งด้านการบริการที่มีความรวดเร็ว ฉับไว มีอัตราการแจ้งซ่อมตํ่า ให้บริการด้วยช่างคุณภาพ มีความรู้ที่ได้รับการฝึกอบรมจากศูนย์ฝึกอบรมนานกว่า 1 ปีก่อนออกปฏิบัติงานจริง และยังคงยึดนโยบายในการมุ่งมั่นพัฒนาให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น จึงทำให้ได้รับความไว้วางใจสูงจากลูกค้าระดับชั้นนำเป็นจำนวนมาก สำหรับการแข่งขันในตลาดลิฟต์และบันไดเลื่อนนั้นมีการแข่งขันค่อนข้างสูง สืบเนื่องมาจากการที่ภาครัฐมีการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั้งรายใหญ่และรายย่อยมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยแบรนด์ในตลาดส่วนใหญ่แข่งขันด้านราคา ในขณะที่มิตซูบิชิ เอลเลเวเตอร์ ยึดมั่นด้านคุณภาพ ความปลอดภัยและการบริการหลังการขายเป็นหลัก

Ad_Online-03 สำหรับภาพรวมในปี 2560 ตลาดลิฟต์และบันไดเลื่อนมีจำนวนความต้องการประมาณ 5,200 เครื่อง มีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ประมาณ 8,000 ล้านบาท โดยในปีที่ผ่านมา มิตซูบิชิ เอลเลเวเตอร์ สามารถจำหน่ายลิฟต์และบันไดเลื่อนได้มากกว่า 1,600 เครื่อง เทียบแล้วมีส่วนแบ่งตลาดสูงกว่า 30% ทั้งนี้ คาดว่าในปี 2561 นี้ ตลาดลิฟต์และบันไดเลื่อน จะยังคงเติบโตเพิ่มขึ้นอีกอย่างต่อเนื่อง ระหว่าง 5-7% และในส่วนของที่อยู่อาศัย ผู้บริโภคยังคงคำนึงถึงคุณภาพผลิตภัณฑ์และการให้บริการหลังการขายเป็นอันดับแรก

นอกจากนี้ ยังมีความมั่นใจว่าตลาดที่อยู่อาศัยและสำนักงานรูปแบบมิกซ์ยูสจะยังคงมีการขยายตัวมากขึ้น โดยได้รับอานิสงส์จากการขยายระบบคมนาคมขนส่งในกรุงเทพฯ รวมไปถึงภาคของสาธารณสุข ที่สถานพยาบาลในเครือต่างๆที่มีการปรับปรุงและขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ อีกทั้งประเทศไทยได้รับการยอมรับและมีชื่อเสียงในด้านสาธารณสุข จนกลายเป็นศูนย์กลางแห่งสถานพยาบาลและการรักษาโรคในภูมิภาค จากแนวโน้มที่ตลาดเติบโตอย่างต่อเนื่อง

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,341 วันที่ 18 - 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว