สาธารณูปโภคกำไรพุ่ง WHAUP BCPG BPP นำ คาดจ่ายปันผลขั้นตํ่า 3%

17 ก.พ. 2561 | 04:39 น.
10 หุ้นในกลุ่มสาธารณูปโภค โชว์กำไรปี 2560 กว่า 4.5 หมื่นล้านบาท นำโดย WHAUP  BCPG  BPP คาดปันผลเฉลี่ยกว่า 3% บล.ไทยพาณิชย์ฯ คาดแนวโน้มปีนี้โตต่อเนื่อง 29% หรือกว่า 5.8 หมื่นล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBS) รายงานการคาดการณ์กำไรปกติ ของ 10 บริษัทในกลุ่มสาธารณูปโภครวมกันไตรมาส 4/2560 จะเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 31% หรือมีกำไรประมาณ 1 หมื่นล้านบาท จากปัจจัยหนุนทั้งจำนวนโครงการที่เพิ่ม ผ่านทางการเริ่มดำเนินงานของโรงไฟฟ้าใหม่ และการลงทุนใหม่ในโครงการที่ดำเนินงานแล้ว โดยเฉพาะโครงการในต่างประเทศ

บริษัทที่คาดกำไรเติบโตมากสุดในไตรมาสนี้ ได้แก่ บริษัท ซีเคพาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) (CKP) เติบโต 84% สู่ 88 ล้านบาท ส่วนหนึ่งนอกจากฐานที่ตํ่าในปีก่อนหน้า ยังมาจากการดำเนินการเชิงพาณิชย์ COD (Commercial Operation Date), บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) เพิ่มขึ้น 42% เป็น 726 ล้านบาท และบมจ.บ้านปูเพาเวอร์ (BPP) เพิ่มขึ้น 41% สู่ 1,100 ล้านบาท

MP17-3340-A อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2560 กำไรของกลุ่มนี้จะลดลง 19.3 % หรือลดลงจาก 12,434 ล้านบาทมาที่ 1 หมื่นล้านบาท

SCBS ยังได้คาดการณ์กำไรปกติของกลุ่มนี้สำหรับผลประกอบการทั้งปี 2560 จะเติบโตเฉลี่ย 42% สู่ 4.5 หมื่นล้านบาท นำโดย บมจ.ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ (WHAUP) เติบโต 283% สู่ 1,400 ล้านบาท และคาดกำไรสุทธิที่ 2,100 ล้านบาท จากโรงไฟฟ้าใหม่ในปีที่แล้วที่เปิดเพิ่ม 5 โรง ปริมาณการขายนํ้าทีเพิ่ม จากผู้ใช้นํ้ารายใหญ่ บมจ.บ้านปูเพาเวอร์(BPP) เพิ่มขึ้น 44% สู่ 7,000 ล้านบาท จากปัจจัยหนุนของผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของโรงไฟฟ้าหงสาและการ COD โครงการโซลาร์ในจีนและญี่ปุ่น ซึ่งมีกำลังการผลิตรวมกัน 104 เมกะวัตต์

บมจ.บีซีพีจี (BCPG) คาดเติบโต 40% สู่ 2,000 ล้านบาท ปัจจัยหนุนจากส่วนแบ่งกำไรจากโครงการลงทุนใหม่ในอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ ส่งผลทำให้กำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้นปรับเพิ่มขึ้น 172 เมกะวัตต์ในปีที่แล้ว
บมจ.ผลิตไฟฟ้า (EGCO) คาดกำไรปกติที่ 10,600 ล้านบาท เติบโต 20% จากการ COD โรงไฟฟ้า SPP หรือผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก 3 โรงในปี 2560 นอกจากนี้รับรู้กำไรที่เพิ่มขึ้นจากโรงไฟฟ้าขนอมและการรับรู้รายได้เต็มปีจากโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่เริ่มดำเนินงานเมื่อธันวาคม 2559 โดยSCBS คาดว่ากำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งหมดของบริษัทผลิตไฟฟ้าฯ จะเติบโต 6% สู่ 19 จิกะวัตต์ ในปี 2560

ด้านผลตอบแทนจากเงินปันผลของกลุ่มเฉลี่ยปี 2560 อยู่ที่ 3% นําโดย บมจ.โกลว์ พลังงาน (GLOW) ที่ 6.9% คาดเงินปันผลงวดครึ่งหลังปี 2560 จ่ายที่ 4.219 บาทต่อหุ้น หรือ 5.1% ของราคาหุ้นปัจจุบัน,บมจ.ทีทีดับบลิว (TTW) ที่ 4.9% คาดเงินปันผลงวดครึ่งหลังปี 2560 ที่ 0.35 บาทต่อหุ้น หรือ 2.6% ของราคาหุ้นปัจจุบัน
บมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรี (RATCH) ที่ 4.4% จ่ายเงินปันผล 2 ครั้งต่อปี โดยคาดเงินปันผล งวดครึ่งหลังปี 2560 ที่ 1.25 บาทต่อหุ้นหรือ 2.3% ของราคาหุ้นปัจจุบัน

Ad_Online-03-503x62-1 นางสาวศลยา ณ สงขลา นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ SCBS กล่าวกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าสำหรับคาดการณ์กำไรปกติ ปี 2561 ของกลุ่มสาธารณูปโภค คาดจะอยู่ที่ 58,000 ล้านบาท เป็นการเติบโตจากปีก่อน 29% นำโดย บมจ.ซีเคพาวเวอร์ (CKP), บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) และบมจ.บีซีพีจี (BCPG) คาดเติบที่ 90%, 51% และ 39% ตามลำดับ และคาดผลตอบแทนจากเงิน ปันผล ทั้งกลุ่มเฉลี่ยปีนี้จะอยู่ที่ 3.3%

ด้านนายเติมชัย บุนนาค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ GPSC กล่าวว่า ปี 2560 บริษัทมีรายได้รวม 19,917 ล้านบาท กำไรสุทธิ 3,175 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนโดยมีปัจจัยมาจากปริมาณการขายไฟฟ้าและไอนํ้าเพิ่มสูงขึ้นจากโครงการต่างๆ และรับรู้ส่วนแบ่งกำไรเพิ่มขึ้น จากการเข้าไปถือหุ้นในโรงไฟฟ้า SPP ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น โรงไฟฟ้า บางปะอิน โคเจเนอเรชัน 2 (BIC2) ซึ่ง GPSC ถือหุ้น 25% มีขนาดกำลังการผลิต 117 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้านวนคร (NNEG) ซึ่ง GPSC เข้าถือหุ้น 30% มีกำลังการผลิต 125 เมกะวัตต์
ขณะที่ดำเนินงานในไตรมาส 4/2560 GPSC มีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 722 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 72% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,340 วันที่ 15 - 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว