คนรุ่นใหม่แห่สะสม‘เพชร’

17 ก.พ. 2561 | 14:40 น.
พรีม่าไดมอนด์ชี้กำลังซื้อไตรมาสแรกส่งสัญญาณดี โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่เลือกซื้อเพชรเพิ่มขึ้น ขณะที่คอลเลกชันใหม่รับวาเลนไทน์ The Empress Collection 2.35 ล้านขายได้ในพริบตา ชี้ดีไซน์เด่น ทำลูกค้าตัดสินใจง่ายขึ้น

นางภควดี อมรพิทักษ์กูล ผู้บริหารฝ่ายพัฒนาธุรกิจ แบรนด์พรีม่า ไดมอนด์ บริษัท พรีม่าโกลด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า กำลังซื้อในธุรกิจเพชรตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาพบว่ามีการเติบโตต่อเนื่อง ส่งสัญญาณต่อไตรมาสแรก ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซันของธุรกิจ โดยพรีม่าไดมอนด์เองเพิ่มงบการตลาดเข้ามาเพื่อช่วยกระตุ้นการขายให้เติบโตยิ่งขึ้น รวมทั้งการนำเสนอคอลเลกชันใหม่ อย่างคอลเลกชันวาเลนไทน์

[caption id="attachment_259526" align="aligncenter" width="335"] ภควดี อมรพิทักษ์กูล ภควดี อมรพิทักษ์กูล[/caption]

โดยคอลเลคชันวาเลนไทน์ปีนี้จัดทำออกมา 2 รูปแบบได้แก่ The Empress Collection มูลค่า 2.35 ล้านบาท และคอลเลกชันในคอนเซ็ปต์ Love in Bloom ประกอบด้วย 3 คอลเลกชันได้แก่ Blooming Heart, Love Knot และ L.O.V.E. โดยใช้เวลาในการดีไซน์และพัฒนาเกือบ 1 ปีเต็ม จนมีความโดดเด่นและแตกต่างจากแบรนด์อื่น

“วาเลนไทน์-ตรุษจีนถือเป็นอีเวนต์ใหญ่ที่ผู้คนมักจะเลือกซื้อเพชรให้เป็นของขวัญสำหรับผู้ใหญ่และผู้เป็นที่รัก โดยพบว่าตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมามีลูกค้าเข้ามาเลือกซื้อเครื่องประดับเพชรมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ เริ่มต้นทำงาน ที่หันมาสนใจเลือกซื้อเพชรเพื่อเป็นของสะสม จากงานดีไซน์ที่โดดเด่น และราคาคุ้มค่า”

เชื่อว่ากำลังซื้อยังมีอยู่ หากลูกค้าพอใจในคุณภาพ งานดีไซน์ และมีความเชื่อมั่นต่อองค์กร เห็นได้จากการคอลเลกชันวาเลนไทน์ที่ The Empress Collection มูลค่า 2.35 ล้านบาทเพิ่งเปิดตัวไปและมีเพียงชุดเดียว ก็มีผู้สั่งจองอย่างรวดเร็ว ทำให้คาดว่าคอลเลกชันวาเลนไทน์อื่นๆ จะมียอดขายที่ดีเช่นกัน อย่างไรก็ดีบริษัทเตรียมเปิดตัวคอลเลกชันใหม่คือ คอลเลกชันซัมเมอร์ ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าด้วย

“ลูกค้าคนไทยนิยมเพชรที่ตัวเรือนบาง เพชรเม็ดใหญ่ แตกต่างจากชาวญี่ปุ่นที่นิยมเพชรเม็ดเล็ก ตัวเรือนเล็ก ขณะที่ยุโรปจะนิยมตัวเรือนใหญ่ เพชรเม็ดใหญ่ การจะดีไซน์จึงต้องเข้าใจความต้องการของลูกค้า”

Ad_Online-03-503x62-1 อย่างไรก็ดี ทิศทางของตลาดเครื่องประดับเพชรในเมืองไทยยังมีแนวโน้มที่ดีจากกลุ่มผู้บริโภคที่เลือกซื้อไปเพื่อความสวยงาม และกลุ่มนักสะสม โดยพบว่าในช่องทางการซื้อขายออนไลน์มีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ขณะเดียวกันพบว่าในต่างประเทศ มีเครื่องประดับใหม่ที่มีวัสดุคล้ายกับเพชร หรือเพชรสังเคราะห์ ที่เรียกว่า Lab-Grown Diamond เข้ามาทำตลาดและเป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้บริโภคที่อยากใส่เครื่องประดับเพชร โดย Lab-Grown Diamond จะมีราคาถูกกว่าเพชรแท้ 70% และกลายเป็นปัญหาทำให้ผู้ซื้อเกรงว่าจะถูกหลอกลวง โดยขณะนี้กำลังระบาดในสหรัฐอเมริกาและยุโรป ซึ่งคาดว่าอาจจะเข้ามาถึงเมืองไทยในปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า

ทั้งนี้เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อพรีม่าไดมอนด์ เนื่องจาก Lab-Grown Diamond จะเน้นทำตลาดเพชรเม็ดใหญ่ ปริมาณหลายกะรัต ขณะที่พรีม่าไดมอนด์จะเน้นเครื่องประดับเพชรขนาดเล็ก ดังนั้นลูกค้าที่ต้องการจะซื้อเพชรจึงต้องพิจารณาให้ดี และเลือกซื้อกับร้านที่เชื่อถือและไว้ใจได้ โดยปัจจุบันพรีม่าไดมอนด์ มีสาขารวม 43 แห่ง ขณะที่พรีม่าโกลด์มีสาขา 52 แห่ง และพรีม่าอาร์ต มีสาขา 43 แห่ง

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,340 วันที่ 15 - 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว