แม้การเมืองจะเริ่มคุกรุ่นช่วงวีกเอนด์ที่ผ่านมาแต่ปลายสัปดาห์มีแต่เรื่องดีๆ กำลังซื้อที่สะพัดหนักกับ 2 เทศกาล
“วาเลนไทน์ -ตรุษจีน” ปลุกกระแสการจับจ่ายใช้สอยให้คึกคัก ปีนี้ชาวบ้านบอกว่าเศรษฐกิจดี จึงจัดหนัก ซื้อกระหนํ่า หมูเห็ดเป็ด ไก่ ของไหว้เจ้า ไม่รวมอั้งเปากับการเดินทางท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยคาดสะพัดไม่ตํ่ากว่า 5 หมื่นล้านบาท แต่แบงก์ชาติเตรียมเงินสำรองให้เบิกจ่าย 7.5 หมื่นล้านบาท ปีนี้วันเที่ยวตรงกับวันหยุด ห้างสรรพสินค้าอัดโปรโมชันแน่น ส่วนทัวร์จีนยังแห่เที่ยวเมืองไทยทะลัก หน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกโรงตั้งรับแต่หัววัน เพราะทัวร์จีน 10 ล้านคนคือหัวใจหลักของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย
ขณะที่ภาพใหญ่เศรษฐกิจไทยปีนี้มีแรงขับเคลื่อนจากโครงการภาครัฐที่ผลักดันกันเต็มที่
“อีอีซี” กำลังมาแรง นับจากนี้รถไฟฟ้าแต่ละสายจะทยอยเปิดให้บริการปีละสาย รวมส่วนต่อขยาย ท่ามกลางปัญหาการจราจรที่
“สาหัส”ตามมา ซึ่งคนกรุงต้องอดทนไปอีกไม่ตํ่ากว่า 5 ปี กว่ารถไฟฟ้าสารพัดสีจะก่อสร้างเสร็จและข่าวดีรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-ระยองจะเปิดประมูลในอีก 2 เดือนข้างหน้า ส่วนรถไฟความเร็วสูงไทย-ญี่ปุ่น กรุงเทพฯ-พิษณุโลก
ล่าสุด
“อาคม เติมพิทยาไพสิฐ” ยํ้าชัดว่า ญี่ปุ่นไม่ได้ถอนตัวแต่ยังมีรายละเอียดเรื่องการลงทุนที่ต้องหารือกันอีกยาว เพราะช่วงระยะทางกว่า 500 กิโลเมตรนั้น คนจะนิยมเดินทางด้วยรถยนต์มากกว่า จึงต้องขบคิดกันหนัก
กลับมาที่กระแสสังคมกดดันหนักกับข่าวฉาวเจ้าสัว
“เปรมชัย กรรณสูต” ถึงความท้าทายกระบวนการยุติธรรมของไทยอีกครั้ง
“เสือดำ” เหลือแค่ซาก และไม่ตายฟรีแน่นอน แต่ชะตากรรมอาณาจักร 5 แสนล้านบาท
“ไอทีดี” ยังไม่รู้จะออกมาอีกท่าไหนสังคมรอคำตอบที่ว่า
“ใหญ่แค่ไหน ก็หนีก.ม.ไม่พ้น ใครช่วยก็ผิดด้วย” นั้นจะศักดิ์สิทธิ์ดั่งที่ผู้นำประเทศประกาศไว้หรือไม่
ในส่วนคดีความก็พิสูจน์ข้อเท็จจริงกันไปแต่สำหรับภาคธุรกิจบริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด(มหาชน)หรือไอทีดีเป็นบริษัทจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงสั่นคลอนไม่ใช่น้อย แม้จะเป็นความผิดส่วนบุคคล ไม่เกี่ยวกับองค์กร บริษัทนี้ยังมีผู้ถือหุ้นรายอื่นร่วมอยู่ด้วยก็ตาม แต่ก็ต้องรับผิดชอบต่อสังคม และผู้ถือหุ้นกว่าจะเรียกศรัทธาสร้างความเชื่อมั่นให้กลับมาจึงไม่ง่ายท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนตัวประธานบริษัทช่วงนี้มาแรงมากแต่เจ้าสัวยังเก็บตัวเงียบ ไม่ได้หนีไป
“ทวาย”
ส่วนบริษัท
“อิตัลไทย” ที่คนพูดกันติดปากนั้นฝ่ายบริหารก็ออกโรงมาประกาศตัว ว่าเป็นคนละบริษัทแต่ชื่อคล้ายกันประมาณนั้น ซึ่งว่ากันตามความเป็นจริงก็คือเครือญาติ และแยกกันบริหารชัดเจน โดยมี
“ยุทธชัย จรณะจิตต์” มีศักดิ์เป็นหลานเจ้าสัว เป็นซีอีโอ ทำธุรกิจด้านบริหาร ลงทุน โรงแรม บริการ ฮอสพิทาลิตี ร้านชา ใน-นอกประเทศเป็นส่วนใหญ่
แต่
“ไอทีดี” หนักไปทางก่อสร้าง รถไฟฟ้า ถนนหนทาง ระบบทาง สนามบิน สะพาน ร.พ. โรงไฟฟ้า ที่ถนัดไปจนถึงสัมปทานใน-นอกประเทศเหมืองแร่ โปแตช ที่อุดร โมซัมบิก และเมกะโปรเจ็กต์ นิคมอุตสาหกรรมทวาย เมียนมา ซึ่งโครงการหลังมีมูลค่าหลายแสนล้านบาท ไอทีดีได้สัมปทานกับรัฐบาลเมียนมา 75 ปี แต่มาชะงักช่วงยุคเปลี่ยนขั้วการเมืองของเมียนมา เมื่อ
“อองซาน ซูจี” ขึ้นมาคุมอำนาจ ปลายปี 2558 นับตั้งแต่นั้นมา โครงการจึงนิ่งสนิท จึงมีกระแสข่าวว่า
“เปรมชัย”ไปเก็บตัวที่ทวาย
ย้อนไปดูโปรเจ็กต์ทวายเจ้าสัว ไอทีดี มีสัมพันธ์ที่ดีกับรัฐบาลทหารเมียนมามานาน ที่ผ่านมาได้งานใหญ่หลายโครงการ และจะว่าไปแล้ว โครงการทวาย ทั้งรัฐบาลไทยและเมียนมาก็อยากให้แจ้งเกิดเพราะไทยจะได้อานิสงส์ไปด้วยแต่ทำอะไรมากไม่ได้ เพราะเจ้าของโครงการคือรัฐบาลเมียนมา ซึ่งเขาไม่มีเงินลงทุน ที่ผ่านมาทั้งรัฐบาล“ยิ่งลักษณ์”และรัฐบาล
“คสช.” มีการล็อบบี้ผ่านผู้นำเมียนมา มาหลายยกเพื่อทำคลอดโครงการ
กระทั่งมาถึงขั้นตั้ง
“SPV”นิติบุคคลเฉพาะกิจ และกล่อมญี่ปุ่นเข้าร่วมทุนสำเร็จกลายเป็นการร่วมทุน 3 ประเทศคือไทย-เมียนมาและญี่ปุ่นมีการเซ็นสัญญาเริ่มต้นโครงการระยะเริ่มต้นหรืออินิเชียลเฟสเพื่อเริ่มลงทุนเบื้องต้นด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ถนนไฟฟ้าแหล่งนํ้ารับนักลงทุน เหลือแค่เมียนมาให้สิทธิ์ ไอทีดีในการนำที่ดินไปขายให้นักลงทุน แต่ 3 ปีผ่านมา โครงการ
“ยํ่าอยู่กับที่” เพราะรัฐบาลเมียนมาไม่
“เทกแอกชัน” แถมล่าสุดยังเปลี่ยนตัว บริษัท ที่ปรึกษาโครงการโรแลนด์เบอร์เกอร์ อีกต่างหาก โครงการนี้จึงมีความไม่แน่นอนมาโดยตลอด
อีกทั้งจุดไฮไลต์ของโครงการทวายคือถนนเชื่อมระหว่างชายแดนไทย-เมียนมา ที่บ้าน พุนํ้าร้อน จังหวัดกาญจนบุรี ไปเมืองทวายระยะทาง 130 กิโลเมตร ซึ่งฝ่ายไทย โดยครม.ได้อนุมัติเสนอเงินกู้ ดอกเบี้ยตํ่า 4,500 ล้านบาท ผ่านองค์กร
“เนด้า”ซึ่งรัฐบาลเมียนมาสนใจแต่สุดท้ายก็ยังไม่กู้ เพราะถนนนี้เปรียบเหมือนเส้นเดือดใหญ่ในการขนส่งสินค้าเชื่อมโยงระหว่าง 2 ประเทศ และจะเชื่อมกับมอเตอร์เวย์ บางใหญ่-เมืองกาญจน์ และทางรถไฟเชื่อมโยงไป อีสเทินร์ซีบอร์ดและ อีอีซี แต่ทั้งหมดทั้งหลายยังคงเป็น
“ฝันค้าง”นี่คือที่มา-ที่ไปของโครงการทวายที่มีกระแสข่าวมาตลอดว่า
“เจ้าสัวเปรมชัย” หนีไปซุกตัวที่นั่น
…………………
คอลัมน์ : ฐานโซไซตี / หน้า 4 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ /ฉบับที่ 3,340 ประจำวันที่ 15-17 กุมภาพันธ์ 2561