เครื่องทำน้ำอุ่นวูบ20% ลุ้นลมหนาวโชยถึงสิ้นม.ค./‘มาซูม่า’เลิกอิงลมฟ้าอากาศ

16 ม.ค. 2559 | 06:00 น.
ลุ้นอากาศหนาวปลุกตลาดเครื่องทำนํ้าอุ่นคึกคัก “ชาร์ป” เผยตลาดหดตัวกว่า 20% ขณะที่ “พานาโซนิค” เร่งจัดดิสเพลย์ โปรโมชันกระตุ้นกำลังซื้อยํ้าผู้นำตลาด ด้าน “มาซูม่า” ชี้พฤติกรรมการเลือกซื้อเน้นไปที่ดีไซน์ ราคาวัสดุ และฟังก์ชันเป็นหลัก พร้อมเดินหน้าสร้างแบรนด์ หลังพบตัวเลขยอดขายนอกฤดูกาลพุ่ง ก่อนเบนเข็มรุกตลาดต่างประเทศเพิ่มทั้งอินโดฯ และกัมพูชา

นายศุภชัย สุทธิพงษ์ชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงไทยการไฟฟ้า จำกัด ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้า และผลิตภัณฑ์เครื่องครัวไฟฟ้าแบรนด์ "ชาร์ป" เปิดเผยกับ "ฐานเศษฐกิจ" ว่า สภาพอากาศต่อจากนี้ที่จะหนาวเป็นระลอกมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพรวมตลาดเครื่องทำน้ำอุ่น-น้ำร้อน แต่จะเกิดการซื้อขายในช่องทางตัวแทนจำหน่าย ร้านค้า หรือห้างสรรพสินค้า ที่จะเร่งระบายเครื่องทำน้ำอุ่นในสต๊อกออกมา มากกว่าที่จะสั่งซื้อสินค้าล็อตใหม่จากบริษัท

ขณะที่ในส่วนของภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ แม้หลายโครงการจะเริ่มแล้วเสร็จ และมีการทยอยโอนกรรมสิทธิ์ ทำให้หลายฝ่ายคาดการณ์ว่า กลุ่มเครื่องใช้ภายในบ้านจะเติบโตเพิ่มขึ้นนั้น เครื่องใช้ไฟฟ้าในกลุ่มเครื่องทำน้ำอุ่น-น้ำร้อน จะเป็นรูปแบบของการทยอยซื้อ หลังจากที่จบการซื้อขายแต่ละโซน หรือแต่ละชั้นมากกว่า โดยมีการเฉลี่ยการซื้อที่ราว 100-200 เครื่องต่อครั้ง ทำให้ไม่เห็นตัวเลขการเติบโตที่ชัดเจนมากนัก รวมทั้งปัจจุบันมีกลุ่มสินค้าเครื่องทำน้ำอุ่น-น้ำร้อน ทั้งแบรนด์เล็กใหญ่ไม่ต่ำกว่า 10 แบรนด์ เข้ามาแข่งขันช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดในเมืองไทย

นายศุภชัยกล่าวว่า ในช่วงฤดูหนาวระหว่างช่วงสิ้นปีที่ผ่านมาจนถึงต้นเดือนมกราคม ที่มีอากาศหนาวเพียงช่วงสั้น ๆ พบว่าภาพรวมตลาดหดตัวลงมากกว่า 20% เป็นสัดส่วนเช่นเดียวกับยอดขายเครื่องทำน้ำอุ่นของบริษัท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้เป็นผลมาจากสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย ทำให้ผู้บริโภคไม่เลือกซื้อเครื่องทำน้ำอุ่นมาใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งจะแตกต่างจากสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าในกลุ่มอื่น ที่ผู้บริโภคจะเลือกซื้อตามความจำเป็น และสามารถกระตุ้นตลาดได้ ไม่ว่าจะเป็นหม้อหุงข้าว ไมโครเวฟ กระทะไฟฟ้า เป็นต้น

"ต้องยอมรับว่าสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างเครื่องทำน้ำอุ่น-น้ำร้อนนั้น เป็นอีกหนึ่งกลุ่มสินค้าที่มีความเสี่ยงในเรื่องปริมาณยอดขาย และความต้องการของลูกค้า เนื่องจากต้องพึ่งพาสภาพภูมิอากาศเป็นหลัก โดยในปีที่มีสภาพอากาศหนาว จะสามารถสร้างยอดขายเติบโตได้ 20-30% แต่หากสภาพอากาศไม่หนาว ยอดขายก็จะหดตัวลงกว่า 20% แม้ผู้บริโภคในเขตกรุงเทพฯจะเลือกซื้อเครื่องทำน้ำอุ่นโดยที่ไม่อิงฤดูกาล แต่ประชาชนส่วนใหญ่ในต่างจังหวัด ซึ่งเป็นฐานลูกค้าที่ใหญ่นั้น ยังคงให้ความสำคัญกับการเลือกซื้อเครื่องทำน้ำอุ่นตามสภาพอากาศมากกว่า"

สำหรับแนวโน้มการแข่งขันในตลาดเครื่องทำน้ำอุ่น-น้ำร้อนในอนาคต ผู้ประกอบการส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญกับเรื่องคุณภาพ และความปลอดภัยมาเป็นอันดับ 1 เนื่องจากผู้บริโภคบางกลุ่มยังฝังใจว่าเครื่องทำน้ำอุ่น-น้ำร้อนเป็นอันตราย อาจเกิดการลัดวงจรได้ ดังที่เคยเกิดเหตุเมื่อหลายปีก่อน ทำให้แต่ละแบรนด์ต่างหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องของความปลอดภัย และความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น

ด้านนางรังสิยา สุพัตพณิชการ รองผู้อำนวยการส่วนการตลาด และฝ่ายโฆษณาประชาสัมพันธ์ บริษัท พานาโซนิค เอ.พี. เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์พานาโซนิค กล่าวว่า กลยุทธ์การทำตลาดในส่วนของสินค้าเครื่องทำน้ำอุ่น-น้ำร้อนของบริษัทในปีนี้ จะให้ความสำคัญกับการจัดดิสเพลย์หน้าร้านให้มีสินค้าให้ครบรุ่น เพื่อสร้างทางเลือกให้แก่กลุ่มลูกค้า ที่กำลังมองหาเครื่องทำน้ำอุ่น โดยได้เริ่มจัดดิสเพลย์ตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้ว ก่อนฤดูการขาย 1 เดือน ซึ่งอยู่ช่วงระหว่างเดือนตุลาคม 2558-มกราคม 2559 ซึ่งจะมุ่งสื่อสารเน้นไปที่ความปลอดภัยเป็นหลัก ภายใต้จุดเด่นของเครื่องทำน้ำอุ่นพานาโซนิค ที่อยู่คู่คนไทยมาเกือบ 30 ปี และใส่ใจเรื่องคุณภาพความปลอดภัยมาตลอด นอกจากนี้ยังมีการจัดโปรโมชันกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกับร้านค้าและดีลเลอร์ทั่วประเทศอีกด้วย

อย่างไรก็ตามปัจจุบัน ความต้องการตลาดรวมของเครื่องทำน้ำอุ่นอยู่ที่ 5 แสนเครื่อง โดยบริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดในส่วนของเครื่องทำน้ำอุ่น 45% ยังครองอันดับ 1 ของตลาดมาเกือบ 30 ปี ขณะที่การเติบโตของตลาดเครื่องทำน้ำอุ่นอยู่ที่ 3% ซึ่งการแข่งขันโดยรวมยังหนาแน่นอยู่ในกลุ่มขนาด 3.5-4.5 พันวัตต์ ซึ่งเป็นขนาดที่มีความต้องการทั้งปี ขณะที่ความต้องการช่วงหน้าหนาวอยู่ที่ตั้งแต่ 4.5 พันวัตต์ขึ้นไป

ขณะที่นางสาวชุติมา ดุรงค์เดช ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารภาพลักษณ์องค์กร บริษัท มาซูม่า (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตเครื่องทำน้ำอุ่น "มาซูม่า" กล่าวว่า บริษัทมีแผนสร้างการรับรู้ต่อแบรนด์มาซูม่าเพิ่มมากขึ้น โดยเน้นความเข้าใจผ่านกิจกรรมและคุณภาพของสินค้า ขณะเดียวกันจะโฟกัสไปที่ผู้บริโภคมากขึ้น ทั้งนี้เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า ที่ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในช่วงฤดูหนาวแล้ว โดยพบว่าการเลือกซื้อสินค้าของผู้บริโภค มีความหลากหลายมากขึ้น ไม่ได้ซื้อตามช่วงฤดูกาล หรือเป็นซีซันนัล แต่จะเลือกซื้อเมื่อต้องการใช้ และตัดสินใจเลือกซื้อจากดีไซน์ ราคา วัสดุ และฟังก์ชันเป็นหลัก โดยภาพรวมของบริษัทในปีที่ผ่านมาพบว่า มียอดขายเติบโตขึ้น 20% ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยปัจจัยหลักมาจากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น ทั้งในประเทศอินโดนีเซียและกัมพูชา

"การแข่งขันของตลาดในปีนี้คาดว่า จะแข่งกันที่นวัตกรรม ดีไซน์ ฟังก์ชันการใช้งาน และราคา ขณะที่ภาพรวมเชื่อว่า หากอากาศเย็นขึ้นตลาดก็จะคึกคักขึ้น ขณะที่ช่องทางการขายในต่างประเทศยังมีการเติบโตในทิศทางที่ดีต่อเนื่อง โดยล่าสุดบริษัทเปิดตัวเครื่องทำน้ำอุ่น 2 รุ่นใหม่ ได้แก่ นีโอ และเน็ค ซึ่งเน้นดีไซน์ เหมาะกับครอบครัวคนรุ่นใหม่ ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับดีเช่นเดิม"

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,122 วันที่ 14 - 16 มกราคม พ.ศ. 2559