นายกฯห่วงสวัสดิภาพเยาวชนในวันวาเลนไทน์แนะมอบความรักบริสุทธิ์ให้คนรอบข้าง
นายกฯ ห่วงใยความปลอดภัยประชาชนในวันวาเลนไทน์ แนะมอบความรักที่บริสุทธิ์ให้คนรอบข้าง พร้อมทั้งพอใจผลสำรวจการเปิดเผยงบประมาณ ปี 60 ชี้ไทยมีคะแนนและอันดับดีขึ้นอย่างมาก
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ห่วงใยสวัสดิภาพและความปลอดภัยของประชาชนในวันวาเลนไทน์ โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนที่อาจตกเป็นเหยื่อหรือไม่ระมัดระวังในการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาการตั้งครรภ์โดยไม่พร้อม ปัญหาโรคติดต่อ และปัญหาอาชญากรรม โดยอยากให้ทุกภาคส่วนช่วยกันรณรงค์สร้างจิตสำนึกมอบความรักความห่วงใยให้แก่กันด้วยความบริสุทธิ์ ไม่ใช่เพียงแค่ความรักแบบชู้สาว แต่เป็นความรักที่มอบให้กับคนรอบข้าง เช่น พ่อแม่ ครูอาจารย์ เพื่อน ฯลฯ รวมถึงการเสียสละเพื่อสังคมด้วย
“นายกฯ ใช้โอกาสนี้อวยพรให้พี่น้องประชาชนมีความสุขและปลอดภัย โดยขอให้มีสติยับยั้งชั่งใจ ระมัดระวังอันตรายจากคนแปลกหน้า พร้อมทั้งกำชับให้เจ้าหน้าที่สอดส่องดูแลความเรียบร้อยในสถานที่ต่าง ๆ เช่น สวนสาธารณะ หรือจุดอับที่เสี่ยงต่อปัญหาอาชญากรรม”
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวว่า องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศทางด้านงบประมาณ (IBP) ซึ่งตั้งอยู่ที่สหรัฐฯ ได้รายงานผลการสำรวจการเปิดเผยงบประมาณ ประจำปี 2560 โดยประเทศไทยมีคะแนนเพิ่ม 14 คะแนน และอันดับดีขึ้นถึง 28 อันดับ จากปี 2558 ซึ่งวัดจาก 3 เรื่องหลัก คือ (1) ความโปร่งใสทางงบประมาณ หรือการเปิดเผยข้อมูลงบประมาณให้สาธารณชนรับทราบ (2) การมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในกระบวนการงบประมาณ และ (3) การมีสถาบันติดตามตรวจสอบที่เข้มแข็ง จากทั้งฝ่ายนิติบัญญัติและองค์กรอิสระ
โดยนายกรัฐมนตรีพอใจผลการสำรวจดังกล่าว เนื่องจากในรอบปีที่ผ่านมา สำนักงบประมาณได้พัฒนาและจัดทำเอกสารที่แสดงข้อมูลทั้งทางด้านการคลัง การงบประมาณ ที่มีความครบถ้วนสมบูรณ์มากขึ้น และนำออกเผยแพร่ให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่าย เช่น เผยแพร่รายละเอียดการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีทางเว็บไซต์ของหน่วยงาน แสดงให้เห็นว่า “ประชาชนได้อะไร” จากงบประมาณรายจ่าย ซึ่งครอบคลุมทั้งข้อมูลระดับประเทศไปจนถึงระดับพื้นที่ โดยเฉพาะงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ขณะที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมก็ได้จัดทำระบบรายงาน “ภาษีไปไหน” ให้เห็นถึงผลสัมฤทธิ์ของการใช้จ่ายงบประมาณด้วย
“การที่ประเทศไทยมีคะแนนเพิ่มขึ้นครั้งนี้ สะท้อนถึงความโปร่งใสของกระบวนการงบประมาณที่ได้รับการพัฒนามากขึ้น โดยคาดว่าจะส่งผลดีต่อคะแนนการสำรวจดัชนีการรับรู้การทุจริต (CPI) และการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขัน (World Competitiveness Ranking) ของไทยในรอบถัดไป”
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ห่วงใยสวัสดิภาพและความปลอดภัยของประชาชนในวันวาเลนไทน์ โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนที่อาจตกเป็นเหยื่อหรือไม่ระมัดระวังในการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาการตั้งครรภ์โดยไม่พร้อม ปัญหาโรคติดต่อ และปัญหาอาชญากรรม โดยอยากให้ทุกภาคส่วนช่วยกันรณรงค์สร้างจิตสำนึกมอบความรักความห่วงใยให้แก่กันด้วยความบริสุทธิ์ ไม่ใช่เพียงแค่ความรักแบบชู้สาว แต่เป็นความรักที่มอบให้กับคนรอบข้าง เช่น พ่อแม่ ครูอาจารย์ เพื่อน ฯลฯ รวมถึงการเสียสละเพื่อสังคมด้วย
“นายกฯ ใช้โอกาสนี้อวยพรให้พี่น้องประชาชนมีความสุขและปลอดภัย โดยขอให้มีสติยับยั้งชั่งใจ ระมัดระวังอันตรายจากคนแปลกหน้า พร้อมทั้งกำชับให้เจ้าหน้าที่สอดส่องดูแลความเรียบร้อยในสถานที่ต่าง ๆ เช่น สวนสาธารณะ หรือจุดอับที่เสี่ยงต่อปัญหาอาชญากรรม”
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวว่า องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศทางด้านงบประมาณ (IBP) ซึ่งตั้งอยู่ที่สหรัฐฯ ได้รายงานผลการสำรวจการเปิดเผยงบประมาณ ประจำปี 2560 โดยประเทศไทยมีคะแนนเพิ่ม 14 คะแนน และอันดับดีขึ้นถึง 28 อันดับ จากปี 2558 ซึ่งวัดจาก 3 เรื่องหลัก คือ (1) ความโปร่งใสทางงบประมาณ หรือการเปิดเผยข้อมูลงบประมาณให้สาธารณชนรับทราบ (2) การมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในกระบวนการงบประมาณ และ (3) การมีสถาบันติดตามตรวจสอบที่เข้มแข็ง จากทั้งฝ่ายนิติบัญญัติและองค์กรอิสระ
โดยนายกรัฐมนตรีพอใจผลการสำรวจดังกล่าว เนื่องจากในรอบปีที่ผ่านมา สำนักงบประมาณได้พัฒนาและจัดทำเอกสารที่แสดงข้อมูลทั้งทางด้านการคลัง การงบประมาณ ที่มีความครบถ้วนสมบูรณ์มากขึ้น และนำออกเผยแพร่ให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่าย เช่น เผยแพร่รายละเอียดการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีทางเว็บไซต์ของหน่วยงาน แสดงให้เห็นว่า “ประชาชนได้อะไร” จากงบประมาณรายจ่าย ซึ่งครอบคลุมทั้งข้อมูลระดับประเทศไปจนถึงระดับพื้นที่ โดยเฉพาะงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ขณะที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมก็ได้จัดทำระบบรายงาน “ภาษีไปไหน” ให้เห็นถึงผลสัมฤทธิ์ของการใช้จ่ายงบประมาณด้วย
“การที่ประเทศไทยมีคะแนนเพิ่มขึ้นครั้งนี้ สะท้อนถึงความโปร่งใสของกระบวนการงบประมาณที่ได้รับการพัฒนามากขึ้น โดยคาดว่าจะส่งผลดีต่อคะแนนการสำรวจดัชนีการรับรู้การทุจริต (CPI) และการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขัน (World Competitiveness Ranking) ของไทยในรอบถัดไป”
