คอนโดทะลัก 2 แสนยูนิต เกาะแนวรถไฟฟ้า‘เขียว-นํ้าเงิน’ 1,065 โครงการ

20 ก.พ. 2561 | 03:55 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

คอนโดฯแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียว-นํ้าเงิน ส่วนต่อขยาย ได้แม่เหล็กจาก บีทีเอส-เอ็มอาร์ทีที่เปิดใช้ปัจจุบัน 1,065 โครงการ ทะลักเกือบ 2 แสนหน่วย เผยส่วนต่อขยายสายสีเขียวแบริ่ง-สำโรง เปิดขายเกือบ 50 โครงการ ขณะที่สีเขียวเหนือ มี 45 โครงการ ดีเวลอปเปอร์มั่นใจไม่โอเวอร์ซัพพลาย

คอนโดมิเนียมยังเคลื่อนไหวต่อเนื่องบริเวณแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียวและสายสีนํ้าเงินทั้งส่วนที่เปิดให้บริการปัจจุบันและส่วนต่อขยายประเมินว่าไม่เกิดโอเวอร์ซัพพลาย เพราะดูจากการขายทุกโครงการมีการดูดซับซัพพลายดี เนื่องจากเป็นเส้นทางผ่ากลางเมืองเชื่อมการเดินทางที่ดีที่สุด

“ฐานเศรษฐกิจ”สำรวจคอนโดมิเนียมเปิดขายทำเลส่วนต่อขยายสายสีเขียวทางตอนเหนือพบว่ามีโครงการเกิดขึ้นต่อเนื่อง ที่นิยมยังเป็นช่วงแยกรัชโยธิน ไปจนถึงสะพานใหม่ ขณะที่โซนลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี ล่าสุดมีคอนโดมิเนียมเกิดขึ้นมากเรียกว่าทุกค่ายทุกแบรนด์มาครบ แต่ส่วนใหญ่เป็นคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ สูงไม่เกิน 8 ชั้น จากที่ผ่านมาเน้นพัฒนาโครงการแนวราบ ส่งผลให้ราคาที่ดินขยับขึ้นเช่นเดียวกับส่วนต่อขยายสายสีเขียวช่วงใต้ จากแบริ่ง-สำโรง ล่าสุดมีโครงการเกิดขึ้นไม่ตํ่ากว่า 40-50 โครงการ ซึ่งทำเลสำโรงมีระดับบิ๊กแบรนด์เปิดขายเน้นราคาไม่แพง

MP29-3340-A สอดรับกับนายสุริยา สุริยาภิวัฒน์ ผู้จัดการสำนักวิจัยบริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ภาพรวมแนวรถไฟฟ้าทั้ง 2 สายและส่วนต่อขยายถือว่าเป็นทำเลที่ดี จากการคาดการณ์คอนโดมิเนียมส่วนต่อขยายสายสีเขียวเหนือ ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ยังไม่สูงมาก หากเทียบจากที่เคยคาดการณ์ไว้ ในปี 2559 อย่างไรก็ดีแนวโน้มจะมีโครงการเปิดตัวใหม่ ตลอดเส้นทางถือว่าไม่โอเวอร์ซัพพลายเพราะสามารถขายได้ต่อเนื่อง

“ที่ผ่านมา ดีเวลอปเปอร์ เน้นพัฒนาโครงการตลาดบนเกือบทั้งหมด ทำให้คอนโดมิเนียมตลาดล่างเหลือไม่มาก และมีกลุ่มคนมีเงินซื้อเพื่อปล่อยเช่า เช่น โครงการลุมพินีที่รังสิต 2 เฟส จำนวนเฟสละ 2,500 หน่วย รวม 5,000 หน่วย ซึ่งเฟสแรกขาย 70% ส่วนโครงการลุมพินี วิลล์แบริ่งและสุขุมวิท 76 รวม 1,000 หน่วยขณะนี้ปิดการขายแล้ว”

นายสุธี ลิมปนชัยพรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท นายณ์เอสเตท จำกัด สะท้อนว่า คอนโด มิเนียมแนวรถไฟฟ้าทั้ง 2 สาย ยังมีความต้องการต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นเส้นทางเชื่อมกลางเมืองทั้งที่อยู่อาศัย แหล่งงาน แหล่งช็อปปิ้งที่ต่างจากเส้นทางอื่น โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมไฮเอนด์ที่เปิดขายก่อนจะได้เปรียบ คอนโดมิเนียมไฮเอนด์รุ่นใหม่ที่ออกมาซึ่งราคาขายต่อตารางเมตรจะสูงกว่า เพราะต้นทุนที่ดิน

ด้านนายสุรเชษฐ กองชีพ นักวิจัยตลาดอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่าผู้ประกอบการยังเปิดตัวโครงการต่อเนื่องเนื่องจากตลาดยังมีความต้องการ จากการสำรวจทำเลที่คึกคักมากจะเป็นส่วนต่อขยายสายสีเขียวหมอชิต-ลำลูกกา ที่ขณะนี้เปิดตัวค่อนข้างมากและมีการดูดซัพพลายดีต่อเนื่องขณะที่ ส่วนต่อขยายสายสีเขียวโซนตะวันออกบริเวณ สำโรง จังหวัดสมุทรปราการ การขายยังช้า ขณะที่ โซนเหนือ จะกระจุกตัวอยู่ทำเลตั้งแต่หมอชิตไปจนถึงสะพานใหม่ ส่วนปลายทางคือลำลูกกา ยังมีคอนโดมิเนียมเกิดขึ้นไม่มาก

เส้นทางรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายที่เป็นที่สนใจของผู้ประกอบการมากที่สุดในปัจจุบันคือ ส่วนต่อขยายสายสีเขียวตอนเหนือ (หมอชิต-คูคต) เพราะในช่วงที่ผ่านมา 1-2 ปี ปรากฏว่ามีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่กันมาต่อเนื่องและยังมีอีก 4-5 โครงการที่เปิดตัวออกมาแล้วว่าจะเปิดขายในช่วงต้นปีนี้ในพื้นที่รวมแล้วไม่ตํ่ากว่า 2,200 หน่วย ในขณะที่พื้นที่อื่นๆ อาจจะมีความเคลื่อนไหวน้อยกว่าพื้นที่นี้แบบเห็นได้ชัด แม้ว่าจำนวนหน่วยรวมในพื้นที่ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีนํ้าเงินที่กำลังก่อสร้างจะมีจำนวนหน่วยรวมมากกว่าก็ตาม เพราะว่าหลายโครงการตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีนํ้าเงินที่กำลังก่อสร้างมีจำนวนหน่วยรวมมากกว่า 1,000 หน่วย

AW_Online-03 สำหรับคอนโดมิเนียมทั้งใต้ดิน เอ็มอาร์ที ที่เปิดในปัจจุบัน (สายสีนํ้าเงิน) สายสีนํ้าเงินที่อยู่ระหว่างก่อสร้างอาจจะขายช้ากว่า เพราะเป็นโครงการใหญ่โครงการละ 2,000 หน่วย ขณะที่รถไฟฟ้าบีทีเอส (สายสีเขียว) รถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายตอนใต้ และรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายตอนเหนือ เฉลี่ยโครงการละไม่เกิน 300 หน่วย จึงปิดการขายได้เร็ว

สำหรับโครงการที่เกิดขึ้นแนวรถไฟฟ้าทั้งเปิดให้บริการแล้วและอยู่ระหว่างก่อสร้างขณะนี้ รวม 1,065 โครงการ 192,162 หน่วย ซึ่งบริเวณสถานีรถไฟฟ้าที่เปิดให้บริการแล้วจะดูดซับได้ 90% ขณะที่ส่วนต่อขยายขายได้ 80% หรือเฉลี่ย 85% จากที่เปิดโครงการมา

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,340 วันที่ 15 - 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว