เปกัสแจงไร้ปัญหารัสเซียแซงก์ชัน/ไทยรับอานิสงส์

16 ม.ค. 2559 | 11:00 น.
เปกัส เตรียมออกแถลงการณ์ถึงคู่ค้าทั่วโลกและสื่อ แจงโครงสร้างผู้ถือหุ้นของบริษัทแม่ จดทะเบียนเป็นรัสเซีย 100% ไม่มีปัญหากรณีรัสเซียแซงก์ชันห้ามคนตุรกีดำเนินธุรกิจนำเที่ยว ส่งผลให้ยังสามารถส่งคนรัสเซียเที่ยวนอกประเทศได้ตามปกติ ยกเว้นขายทัวร์ไปตุรกี พร้อมเผย ไทย-เวียดนามได้อานิสงส์ ชี้ล่าสุดทยอยดึงกลุ่มไมซ์เปลี่ยนเดสติเนชันมาภูเก็ตแทนบ้างแล้ว ด้านททท. เดินเกมพลิกวิกฤติเป็นโอกาสเจาะทัวริสต์กำลังซื้อสูง

[caption id="attachment_26537" align="aligncenter" width="600"] สถิตินักท่องเที่ยวรัสเซียเดินทางมาเที่ยวไทย สถิตินักท่องเที่ยวรัสเซียเดินทางมาเที่ยวไทย[/caption]

นายนิกร ยะตินันท์ ที่ปรึกษาบริษัทเปกัส ทัวร์ริสติกฯ (บริษัทนำเที่ยวที่ส่งนักท่องเที่ยวรัสเซียมาเที่ยวเมืองไทยเป็นอันดับ 1) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ"ว่าในขณะนี้เปกัส ทัวร์ริสติก ซึ่งเป็นบริษัทแม่ที่รัสเซีย เตรียมจะออกแถลงถึงคู่ค้าทั่วโลกและสื่อมวลชน เพื่อชี้แจงถึงสถานการณ์การดำเนินธุรกิจของบริษัท ว่ามาตรการแซงก์ชันที่รัสเซีย ห้ามชาวตุรกี ดำเนินธุรกิจนำเที่ยวนั้น ไม่ได้ส่งผลให้บริษัทแม่ ต้องถูกปิดบริษัทไปอย่างกระแสข่าวที่ออกมา โดยจะชี้แจงเรื่องของโครงสร้างผู้ถือหุ้นของบริษัทให้รับทราบว่าบริษัทแม่ ได้จดทะเบียนเป็นรัสเซีย 100% เพราะได้ดำเนินธุรกิจนำเที่ยวในรัสเซียมานานมากแล้ว แม้ว่าผู้ก่อตั้งจะเป็นชาวตุรกี แต่มีภรรยาเป็นคนรัสเซีย ส่วนบริษัทย่อยของเปกัส ที่ถูกเพิกถอนการดำเนินธุรกิจไป ส่วนใหญ่เป็นเพียงบริษัทในเครือ ที่ไม่ได้ดำเนินธุรกิจนำเที่ยว

ดังนั้นปัจจุบันบริษัทแม่ของเปกัสในรัสเซีย ยังคงส่งนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวได้ทุกประเทศ รวมถึงประเทศไทย ยกเว้นการขายทัวร์ไปตุรกี เท่านั้นที่ไม่สามารถทำได้ แต่เรื่องนี้ถือว่าประเทศเวียดนามและประเทศไทยจะได้ประโยชน์ เพราะที่ผ่านมาเปกัส ส่งนักท่องเที่ยวไปเที่ยวตุรกี เป็นอันดับหนึ่งคือราว 3 ล้านคน ไปอียิปต์เกือบ 1 ล้านคน และมาไทยเป็นอันดับ 3 ซึ่งก่อนหน้านั้นส่งมาถึง 6 แสนคน แต่รัสเซียมีปัญหาเรื่องค่าเงินรูเบิล ทำให้หายไปราว 60-70% เหลือราว 2 แสนคน แต่ในขณะนี้เมื่อขายไปตุรกีไม่ได้ จึงต้องปรับเดสติเนชันมายังเวียดนามและไทยแทน อย่างล่าสุดได้ย้ายงานด้านไมซ์ที่เกี่ยวกับงานด้านเภสัชกร กว่า 400 คนจากตุรกี ย้ายฐานมาจัดที่จ.ภูเก็ตอยู่ในขณะนี้

ต่อเรื่องนี้นางจุฑาพร เริงรณอาษา รองผู้ว่าการ ด้านตลาดยุโรป แอฟริกา และตะวันออกกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า จากสถานการณ์ที่รัสเซีย ประกาศปิดบริษัทนำเที่ยวที่ไม่จดทะเบียนถูกต้อง และห้ามไม่ให้ชาวตุรกีหรือบริษัทจากตุรกีเข้ามาดำเนินธุรกิจตัวแทนท่องเที่ยวในรัสเซีย เรื่องที่เกิดขึ้นยังไม่ส่งผลกระทบต่อการนำนักท่องเที่ยวรัสเซียมาเที่ยวไทยของบริษัทนำเที่ยวรายใหญ่ อย่างเปกัส เนื่องจากการส่งนักท่องเที่ยวรัสเซียมาเที่ยวไทยของเปกัส ยังสามารถดำเนินการได้ตามปกติ

โดยทางเปกัส สำนักงานในไทย ได้ทำจดหมายแจ้งไปยังธุรกิจคู่ค้า ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมต่างๆในภูเก็ตและพัทยา แล้วว่าเปกัส ยังดำเนินธุรกิจได้ตามปกติ เพราะบริษัทได้จดทะเบียนดำเนินธุรกิจเป็นตัวแทนท่องเที่ยวที่เป็นรัสเซีย100% เพราะข่าวที่ออกไปก่อให้เกิดกังวลกับคู่ค้ามาก ขณะที่การเพิกถอนบริษัทนำเที่ยวในเครือของเปกัสไปหลายแห่ง ส่วนใหญ่เป็นสาขาย่อยๆในต่างจังหวัดที่ไม่ได้จดทะเบียนเป็นรัสเซีย 100% ดังนั้นในขณะนี้การดำเนินการทุกอย่างจึงดำเนินการได้เหมือนเดิม แต่อย่างไรก็ตามสำนักงานททท.รัสเซีย จะมีการติดตามสถานการณ์ตลาดนักท่องเที่ยวรัสเซียอย่างใกล้ชิด จากนโยบายต่างๆที่เกี่ยวกับการแซงก์ชันธุรกิจต่างๆของชาวตุรกีในรัสเซีย ว่าจะ ปูตินจะมีมาตรการใดๆอีกหรือไม่ รวมถึงมาตรการต่างๆก็มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

" ปัญหาที่ทำให้นักท่องเที่ยวรัสเซียมาเที่ยวไทยชะลอตัวไปกว่า47%ในปีที่ผ่านมา จากจำนวน1.6 ล้านคนในปี2557 มาเหลือราว 8 แสนคนในปี2558 เป็นปัญหาเรื่องของค่าเงินรูเบิลผันผวนมาก ทำให้มีค่าใช้จ่ายในการเดินทางท่องเที่ยวเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งในปีนี้ก็มองว่าการประคองให้ได้ 8 แสนคนเท่ากับปี2558 ก็ถือว่าเก่งแล้ว แต่ในสิ่งที่เกิดขึ้นก็เป็นโอกาสของไทย เพราะคนรัสเซียที่ยังเดินทางมาเที่ยวไทยอยู่ จะเป็นกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อ ขณะที่ตลาดที่หายไป จะเป็นกลุ่มที่เดินทางมากับพวกเที่ยวบินเช่าเหมาลำของบริษัททัวร์รัสเซีย ที่กลุ่มนี้ในแง่จำนวนนักท่องเที่ยวจะหายไป แต่ททท.จะพลิกวิกฤตมาเป็นโอกาส เพื่อเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวกำลังซื้อสูงที่ก็ยังคงเดินทางมาเที่ยวไทยอยู่ ด้วยการนำเสนอโปรดักต์ที่กลุ่มตลาดนี้สนใจ รวมถึงการขยายฐานนักท่องเที่ยวไปยังกลุ่มประเทศซีไอเอส และคาซัคสถาน ที่มีการเติบโตเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวในกลุ่มเวลเนส"

นอกจากนี้ททท.ยังต้องติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างซาอุดีอาระเบียและอิหร่าน ที่หวั่นว่าจะลุกลามกลายเป็นสงครามทางศาสนาหรือไม่ เพราะหากลุกลาม จะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวได้ ส่วนการทำตลาดยุโรป จะเน้นขยายตลาดไปยังยุโรปตะวันออก อย่างโปแลนด์ และเช็ก ซึ่งททท.เตรียมจะเปิดสำนักงานที่กรุงปราก ในเดือนกุมภาพันธ์นี้ เพื่อโฟกัสตลาดยุโรปตะวันออกโดยเฉพาะ

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,122 วันที่ 14 - 16 มกราคม พ.ศ. 2559