ปัจจัยบวกท่วมหุ้น ‘2000จุด’แค่เอื้อม

12 ก.พ. 2561 | 03:58 น.
นักวิเคราะห์ฟันธงหุ้นไทยขาขึ้น ดัชนี 2000 จุดมาแน่ ! ปัจจัยหนุนเพียบ ทั้งเศรษฐกิจโลก-เศรษฐกิจไทยแกร่ง ราคานํ้ามันดิบดีดหนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน อีอีซีดึงเชื่อมั่น ฟันด์โฟลว์จ่อเข้ากลางปีนี้ “ปริญญ์” จี้ยกระบบข้าราชการเป็น 4.0
หนังสือพิมพ์ “ฐานเศรษฐกิจ” และสื่อในเครือสปริงนิวส์ จัดสัมมนา “หุ้นไทยไป 2000 จุด?” เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2561 โดยได้รับความสนใจจากนักลงทุนเข้ารับฟังอย่างล้นหลาม ท่ามกลางความผันผวนของตลาดหุ้นโลก แต่นักวิเคราะห์ยังมั่นใจว่าเป็นแค่ผลชั่วคราวเท่านั้น

นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซีแอลเอสเอ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า แม้ตลาดหุ้นไทยจะเผชิญความท้าทาย และมีอุปสรรคหลายเรื่อง แต่ไม่กังวลและมองว่าตลาดหุ้นไทยเป็นทิศทางขาขึ้น ส่วนการที่ดัชนีจะไปถึง 2000 จุดไปได้อยู่แล้ว แต่ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาว่าจะเร็วหรือช้าอย่างไร

สำหรับนักลงทุนต่างชาติขณะนี้ยังกังวล แต่ก็มีบางกองทุนลงทุนขนาดใหญ่ก็เข้ามาในตลาดแล้วบางกองทุนก็ออกไปแล้ว นักลงทุนต่างชาติจะมีตัวเลือกมากทั้ง อาเซียน และเอเชีย รวมถึงมีตัวเลือกในกลุ่มอุตสาห กรรมที่หลากหลายเช่นในกลุ่มอุตสาหกรรมยุคใหม่ อาลีบาบา หรือ เทนเซ็นต์ มีหุ้นเทคโนโลยีใหม่ๆ หุ้นในยุค 4.0 แต่ในไทยยังหาหุ้นลักษณะนี้ยาก ซึ่งต้องใช้เวลา

TP1-3339-A ถึงแม้จะมีสัญญาณที่ดีขึ้นจากการลงทุนในภาคเอกชนที่เพิ่มมากขึ้น แต่นักลงทุนต่างชาติมีความกังวลเกี่ยวกับระบบราชการ การใช้กฎหมาย ซึ่งในเรื่องนี้ต้องพัฒนาให้เป็น 4.0ก่อน ต้องมีการลดข้อจำกัดด้านกฎหมายเพื่อสนับ สนุนให้ธุรกิจยุคใหม่ๆ เกิดได้ง่ายขึ้น อย่างพ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างที่ออกมา ถึงแม้จะมีข้อดีคือมีความโปร่งใส แต่ต่างชาติมองว่าจะทำให้เกิดความล่าช้า การทำบางอย่างติดขัดข้อจำกัดทางกฎหมาย ดังนั้นการจะพัฒนาไปสู่ยุค 4.0 ต้องเริ่มที่ฐานรากก่อน ต้องเริ่มที่ระบบราชการ การบังคับใช้กฎหมาย

นายปริญญ์ กล่าวถึงนักลงทุนต่างชาติเพิ่มเติมว่า นักลงทุนต่างชาติกำลังรอให้มีความชัดเจนมากขึ้นทั้งในเรื่องของเศรษฐกิจมหภาคที่จะดีขึ้น การส่งออกที่จะดีขึ้น กำลังซื้อในประเทศที่จะเพิ่มขึ้น อีกปัจจัยหนึ่งที่ต่างชาติจับตามองคือการประกาศผลประกอบการของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่คาดว่าจะประกาศออกมาช่วงปลายไตรมาสแรกถึงต้นไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ว่าจะออกมาอย่างไร

ปัจจัยอีกประการหนึ่งที่ต่างชาติยังไม่เข้ามาเพราะเม็ดเงินลงทุนที่ไปลงทุนในหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่หรือหุ้นเทคโนโลยีใหม่ๆถ้าราคาของหุ้นเหล่านั้นเริ่มแพงขึ้นก็จะเริ่มมีการโยกย้ายเงิน มีการมองหาหุ้นที่ราคายังไม่แพง ทั้งตลาดในอาเซียนหรือในไทย ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงกลางปีนี้

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จก. (มหาชน) กล่าวทิศทางดัชนีหุ้นไทยที่วิ่งขึ้นเร็วทะลุ 1,800 จุดแรง มาจากความคาดหวังว่าภาพเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยไปในทางเดียวกันฟื้นตัวชัดเจน แต่ยังมีโอกาสหุ้นไทยไปต่อได้อีก

ปัจจัยหนุนคือ หุ้นกลุ่มเซ็กเตอร์หลัก โดยประเมินจากสมมติฐานราคานํ้ามันดิบที่ 55 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล แต่ปัจจุบันราคานํ้ามันดิบเคลื่อนไหวอยู่ระดับ 65 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ทำให้มีโอกาสที่จะปรับสมมติฐานราคานํ้ามันใหม่ เป็นปัจจัยบวกผลักดันให้ราคาหุ้นกลุ่มพลังงานที่มีนํ้าหนักในตลาดถึง 22% เพิ่มขึ้น

“ราคานํ้ามันดิบขณะนี้ 63 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ถ้าผ่านไปครึ่งปีราคานํ้ามันยังเป็น 60 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรลทางบล.เมย์แบงก์กิมเองฯก็จะปรับราคาที่เหมาะสม(Fair Price)ของหุ้นขึ้นมา 20%”

ขณะที่สัญญาณแนวโน้มเฟดปรับดอกเบี้ยขาขึ้น แม้จะเป็นเรื่องที่กังวลแต่ทำให้กลุ่มธนาคารพาณิชย์ในประเทศได้ประโยชน์จากการปรับดอกเบี้ยขึ้นตาม

ปัจจัยการเมืองค่อนข้างนิ่งมากขึ้นถ้าเปรียบเทียบกับ 2-3 ปีที่แล้ว ถ้าการเลือกตั้งเป็นไปตามกำหนด นักลงทุนไทยและต่างชาติเกิดความเชื่อมั่น อันนี้เป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้น

การซื้อขายหุ้นในช่วงที่ผ่านมานักลงทุนสถาบันในประเทศเป็นซื้อสุทธิสะสมมาอย่างต่อเนื่อง ถ้าเม็ดเงินจากนักลงทุนต่างชาติไหลเข้ามาจะเป็นตัวหนุนสำคัญต่อตลาดหุ้น และมูลค่าซื้อขายที่คึกคักจะเป็นอีกปัจจัยบวกที่จะดันให้ตลาดหุ้นไปต่อได้

ad-bkk ส่วนหุ้นไทยจะขึ้นไป 2000 จุดหรือไม่ ? นายวิจิตร กล่าวว่าขณะนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯตกมาถึงระดับ 1760 จุดแล้ว บนสมมติฐานว่า หากหุ้นไทยขึ้นไปถึง 2000 จุดปีนี้ หมายถึง P/E สิ้นปีนี้จะอยู่ที่ 18.18 เท่า ซึ่งจะแพงเกินไป เว้นแต่ว่าไตรมาส 3 ซึ่งนักกลยุทธ์หุ้นมักจะคาดการณ์กำไรล่วงหน้าของปี 2562 จะเติบโต 11% ก็เป็นไปได้ว่าดัชนีหุ้นปลายปีนี้ก็มีโอกาสแตะ 2000 จุด ที่ P/E 16.39 เท่า

ด้านนายชัยยศ จิวางกูร ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรีฯ กล่าวว่า หุ้นไทยจะไปถึง 2000 จุดไหมปีนี้อาจจะเร็วไป แต่เชื่อว่าด้วยโครงการลงทุนของรัฐบาลในปีนี้ และยุทธศาสตร์ประเทศไทย 4.0 เป็นปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญ ขึ้นอยู่กับจังหวะเวลาว่าจะเมื่อไร

“ขณะนี้นักลงทุนอาจกังวลเรื่องเฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ย และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯที่ปรับขึ้นสูง กระแทกหุ้นไทยลงไปด้วย แต่โดยปกติตลาดหุ้นไทยจะล้อไปกับเศรษฐกิจหรือจีดีพี ถึง 70-80% ฉะนั้นเมื่อเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยเติบโต แรงหนุนการลงทุนในอีอีซีรวมถึงการลงทุนของภาคเอกชนที่มีสัญญาณดีขึ้น เหล่านี้จะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนทำให้เราเห็นดัชนีหุ้นไทยถึง 2000 จุดเพียงแต่จะเมื่อไรเท่านั้นเอง”

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,339 วันที่ 11 - 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว