รับมือเทคโนโลยี3ระลอกคลื่น พลิกโฉมตลาดแรงงานโลก
เตรียมพร้อมรับมือให้ดี ผลวิจัยในประเทศอังกฤษพบว่า เทคโนโลยีด้านหุ่นยนต์ ระบบกลไกการทำงานโดยอัตโนมัติ และปัญญาประดิษฐ์ (AI) อาจสร้างผลกระทบต่อตำแหน่งงานภายในประเทศถึง 30% แต่ก็จะกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจได้มากกว่า 10%
ฝ่ายวิจัย บริษัทไพร้ซวอเตอร์เฮาส์ คูเปอร์สฯ (PwC) เปิดเผยรายงานการวิจัยเกี่ยวกับแนวโน้มผลกระทบของเทคโนโลยีหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ที่จะมีต่อตลาดแรงงานในสหราชอาณาจักรว่า มีตำแหน่งงานของหลายสาขาอาชีพที่จะได้รับผลกระทบ โดยหนึ่งในกลุ่มที่จะได้รับแรงกระทบเป็นกลุ่มแรกๆจากการนำระบบทำงานอัตโนมัติมาใช้ ก็คือผู้ที่ทำงานในธุรกิจบริการด้านการเงิน นอกจากนี้งานวิจัยยังพบว่า ผู้หญิงจะได้รับผลกระทบก่อนผู้ชาย
[caption id="attachment_257964" align="aligncenter" width="503"]
ต้นแบบยานยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติของโตโยต้า ที่จะนำเสนอรูปแบบใหม่ของการค้าปลีก[/caption]
รายงานชิ้นนี้เก็บข้อมูลการสำรวจจากคนทำงานจำนวนมากกว่า 200,000 คนใน 29 ประเทศเพื่อนำมาวิเคราะห์แนวโน้มและความเป็นไปได้ ทั้งนี้ คาดว่าการเข้ามามีบทบาทของเทคโนโลยีจะแบ่งเป็น 3 ช่วง เริ่มจากปีนี้ไปจนถึงกลางทศวรรษ 2030 ซึ่งสุดท้ายแล้วจะทำให้เกิดผลกระทบต่อผู้คนในอังกฤษจำนวนมากกว่า 200,000 คนหรือหมายถึง 200,000 ตำแหน่งงานที่จะได้รับผลกระทบ
การรุกคืบของเทคโนโลยีช่วงแรกกำลังเกิดขึ้นแล้ว เรียกว่า อัลกอริทึมเวฟ (algorithm wave) หรือกระแสของเทคโนโลยีที่ถูกนำมาใช้ในการประมวลผลหรือในการแก้ปัญหาอย่างใดอย่างหนึ่ง หุ่นยนต์หรือระบบอัตโนมัติจะสามารถวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากและทำงานดิจิตอลอย่างง่ายๆ เช่นการวิเคราะห์และให้คะแนนเครดิตแก่ลูกค้าธนาคาร เป็นต้น ช่วงนี้เริ่มขึ้นแล้วและคาดว่าจะลากยาวไปถึงต้นทศวรรษ 2020 ส่วนงานที่จะได้รับผลกระทบคือ ผู้ที่ให้บริการด้านการเงิน ผู้ทำงานในด้านบริการทางเทคนิค งานที่เกี่ยวกับข้อมูลข่าวสาร
ช่วงที่ 2 ซึ่งจะเริ่มจากต้นทศวรรษ 2020 ถึงปลายทศวรรษ 2020 เรียกว่า ช่วง Augmentation Wave เป็นการปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับหุ่นยนต์หรือระบบทำงานอัตโนมัติอย่างมีไดนามิก เพื่อช่วยในการตัดสินใจ พัฒนาการในช่วงนี้ครอบคลุมการใช้โดรนจากมุมมองทางอากาศ การใช้หุ่นยนต์ในคลังสินค้า และยานยนต์ที่มีลักษณะการทำงานแบบกึ่งอัตโนมัติ คลื่นลูกนี้จะส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วนของอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ให้บริการทางด้านการเงินจะได้รับผลกระทบมากที่สุด
สุดท้ายช่วงที่ 3 จะเกิดขึ้นในช่วงกลางทศวรรษ 2030 ปัญญาประดิษฐ์จะเข้ามาช่วยวิเคราะห์ข้อมูลที่มาจากหลากหลายแหล่ง ช่วยตัดสินใจแทน และลงมือปฏิบัติการแทนมนุษย์ จุดนี้เรียกได้ว่า มนุษย์แทบไม่ต้องเข้ามาทำอะไรเลย หรือทำแต่น้อยมาก ผู้ที่ทำงานอยู่ในอุตสาหกรรมด้านบริการขนส่ง การผลิตและค้าปลีกจะได้รับผลกระทบ รวมๆ แล้ว กลางช่วงทศวรรษ 2030 คนวัยทำงานของอังกฤษราว 30% จะถูกหุ่นยนต์และเอไอเข้ามาแย่งตำแหน่งงาน และผู้หญิงจะรู้สึกได้ถึงผลกระทบก่อนผู้ชาย นอกจากนี้ผู้ที่จบการศึกษาสูงและทำงานในด้านที่เกี่ยวข้องกับตัวเลขและการวิเคราะห์ ก็จะเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบกลุ่มแรกๆ ด้วย อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีความรู้ความสามารถน้อยกว่าก็จะได้รับผลกระทบมากในระยะยาว
แนวโน้มที่กำลังเกิดขึ้นนี้ หมายความว่า คนทำงานจะต้องเรียนรู้เพิ่มเติมและเพิ่มพูนทักษะความรู้ใหม่ๆ และอาจจะต้องหางานใหม่ อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์มองภาพรวมว่า เศรษฐกิจของประเทศจะได้รับแรงกระตุ้นเชิงบวกจากความเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นนี้ จอห์น ฮอคส์เวิร์ธ หัวหน้าเศรษฐกรของ PwC เปิดเผยว่า ยกตัวอย่างประเทศอังกฤษ ประโยชน์ระยะยาวของการนำหุ่นยนต์ ระบบทำงานอัตโนมัติ และเอไอ มาใช้ น่าจะเป็นการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นได้มากถึง 10% เทคโนโลยีเหล่านี้สามารถก่อให้เกิดตำแหน่งงานใหม่ๆและการจ้างงานใหม่ๆ ด้วยเช่นกัน
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,339 วันที่ 11 - 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561
ฝ่ายวิจัย บริษัทไพร้ซวอเตอร์เฮาส์ คูเปอร์สฯ (PwC) เปิดเผยรายงานการวิจัยเกี่ยวกับแนวโน้มผลกระทบของเทคโนโลยีหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ที่จะมีต่อตลาดแรงงานในสหราชอาณาจักรว่า มีตำแหน่งงานของหลายสาขาอาชีพที่จะได้รับผลกระทบ โดยหนึ่งในกลุ่มที่จะได้รับแรงกระทบเป็นกลุ่มแรกๆจากการนำระบบทำงานอัตโนมัติมาใช้ ก็คือผู้ที่ทำงานในธุรกิจบริการด้านการเงิน นอกจากนี้งานวิจัยยังพบว่า ผู้หญิงจะได้รับผลกระทบก่อนผู้ชาย
[caption id="attachment_257964" align="aligncenter" width="503"]
รายงานชิ้นนี้เก็บข้อมูลการสำรวจจากคนทำงานจำนวนมากกว่า 200,000 คนใน 29 ประเทศเพื่อนำมาวิเคราะห์แนวโน้มและความเป็นไปได้ ทั้งนี้ คาดว่าการเข้ามามีบทบาทของเทคโนโลยีจะแบ่งเป็น 3 ช่วง เริ่มจากปีนี้ไปจนถึงกลางทศวรรษ 2030 ซึ่งสุดท้ายแล้วจะทำให้เกิดผลกระทบต่อผู้คนในอังกฤษจำนวนมากกว่า 200,000 คนหรือหมายถึง 200,000 ตำแหน่งงานที่จะได้รับผลกระทบ
การรุกคืบของเทคโนโลยีช่วงแรกกำลังเกิดขึ้นแล้ว เรียกว่า อัลกอริทึมเวฟ (algorithm wave) หรือกระแสของเทคโนโลยีที่ถูกนำมาใช้ในการประมวลผลหรือในการแก้ปัญหาอย่างใดอย่างหนึ่ง หุ่นยนต์หรือระบบอัตโนมัติจะสามารถวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากและทำงานดิจิตอลอย่างง่ายๆ เช่นการวิเคราะห์และให้คะแนนเครดิตแก่ลูกค้าธนาคาร เป็นต้น ช่วงนี้เริ่มขึ้นแล้วและคาดว่าจะลากยาวไปถึงต้นทศวรรษ 2020 ส่วนงานที่จะได้รับผลกระทบคือ ผู้ที่ให้บริการด้านการเงิน ผู้ทำงานในด้านบริการทางเทคนิค งานที่เกี่ยวกับข้อมูลข่าวสาร
สุดท้ายช่วงที่ 3 จะเกิดขึ้นในช่วงกลางทศวรรษ 2030 ปัญญาประดิษฐ์จะเข้ามาช่วยวิเคราะห์ข้อมูลที่มาจากหลากหลายแหล่ง ช่วยตัดสินใจแทน และลงมือปฏิบัติการแทนมนุษย์ จุดนี้เรียกได้ว่า มนุษย์แทบไม่ต้องเข้ามาทำอะไรเลย หรือทำแต่น้อยมาก ผู้ที่ทำงานอยู่ในอุตสาหกรรมด้านบริการขนส่ง การผลิตและค้าปลีกจะได้รับผลกระทบ รวมๆ แล้ว กลางช่วงทศวรรษ 2030 คนวัยทำงานของอังกฤษราว 30% จะถูกหุ่นยนต์และเอไอเข้ามาแย่งตำแหน่งงาน และผู้หญิงจะรู้สึกได้ถึงผลกระทบก่อนผู้ชาย นอกจากนี้ผู้ที่จบการศึกษาสูงและทำงานในด้านที่เกี่ยวข้องกับตัวเลขและการวิเคราะห์ ก็จะเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบกลุ่มแรกๆ ด้วย อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีความรู้ความสามารถน้อยกว่าก็จะได้รับผลกระทบมากในระยะยาว
แนวโน้มที่กำลังเกิดขึ้นนี้ หมายความว่า คนทำงานจะต้องเรียนรู้เพิ่มเติมและเพิ่มพูนทักษะความรู้ใหม่ๆ และอาจจะต้องหางานใหม่ อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์มองภาพรวมว่า เศรษฐกิจของประเทศจะได้รับแรงกระตุ้นเชิงบวกจากความเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นนี้ จอห์น ฮอคส์เวิร์ธ หัวหน้าเศรษฐกรของ PwC เปิดเผยว่า ยกตัวอย่างประเทศอังกฤษ ประโยชน์ระยะยาวของการนำหุ่นยนต์ ระบบทำงานอัตโนมัติ และเอไอ มาใช้ น่าจะเป็นการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นได้มากถึง 10% เทคโนโลยีเหล่านี้สามารถก่อให้เกิดตำแหน่งงานใหม่ๆและการจ้างงานใหม่ๆ ด้วยเช่นกัน
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,339 วันที่ 11 - 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561
