กสิกรไทยคาดกนง.คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50%

07 ก.พ. 2561 | 14:45 น.
ประชุมกนง. 14 ก.พ.2561 คาดคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50% เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย อย่างต่อเนื่อง

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะมีมติ “คง” อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.50% ต่อเนื่องในการประชุม กนง. รอบแรกของปี 2561 ในวันที่ 14 ก.พ. 2561 นี้ หลังการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ โดยเฉพาะภาคการบริโภคและการลงทุน ขณะที่แรงกดดันเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำ มองไปข้างหน้า ปัจจัยที่ต้องติดตาม คงได้แก่ การส่งสัญญาณถึงแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของเฟดที่จะมีการเปิดเผยในการประชุมรอบเดือน มีนาคม 2561

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของไทย น่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.50% ในการประชุมรอบแรกของปี 2561 วันที่ 14 ก.พ. 2561 โดยการฟื้นตัวที่ยังไม่เต็มที่ของเศรษฐกิจในประเทศ ยังสนับสนุนนโยบายการเงินผ่อนคลายอีกระยะ เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันยังไม่ครอบคลุมทุกภาคส่วนโดยกระจุกในภาคต่างประเทศเป็นหลัก ขณะภาคเศรษฐกิจในประเทศยังขยายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยเฉพาะภาคการลงทุนเอกชนที่อาจต้องรอแรงส่งจากการลงทุนภาครัฐ ทำให้ยังมีความจำเป็นที่จะต้องอาศัยนโยบายการเงินผ่อนคลายในการช่วยหนุนให้การลงทุนสามารถที่จะฟื้นตัวอย่างมั่นคง แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาจะเริ่มมีสัญญาณเชิงบวกมากขึ้น นอกจากนี้ ท่ามกลางแรงกดดันเงินเฟ้อทั่วไปในประเทศที่ยังทรงตัวในระดับค่อนข้างต่ำ อันสะท้อนถึงกำลังซื้อภายในประเทศที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ ก็เป็นอีกปัจจัยที่สนับสนุนให้ กนง.น่าจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่อง จนกว่าพัฒนาการการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทยจะส่งสัญญาณที่ดีขึ้นในวงกว้างกว่านี้

สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตาม คงได้แก่ ท่าทีของเฟดในการส่งสัญญาณถึงระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ ในระยะข้างหน้า ซึ่งคงจะเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อต้นทุนการเงินทั่วโลก ทั้งนี้ นับตั้งแต่ช่วงต้นปี 2561 ที่ผ่านมา อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีได้ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยปรับตัวขึ้นกว่า 0.4%  หลังเครื่องชี้เงินเฟ้อสหรัฐฯ มีทิศทางเพิ่มขึ้น กอปรกับความกังวลเกี่ยวกับผลของมาตรการปรับลดภาษีที่เกิดขึ้นในช่วงที่ตลาดแรงงานอยู่ในระดับค่อนข้างตึงตัว ว่าอาจจะเป็นปัจจัยเร่งให้เงินเฟ้อมีโอกาสปรับตัวขึ้นมากว่าคาด และส่งผลให้เฟดอาจจะต้องเร่งจังหวะในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตาม ทั้งนี้ หากเฟดมีการส่งสัญญาณถึงโอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากว่า 3 ครั้ง อาจจะส่งผลให้ตลาดการเงินมีการปรับตัวตาม ผ่านต้นทุนการเงินที่คงปรับขึ้นในทิศทางเดียวกันกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ซึ่งการส่งสัญญาณดังกล่าวอาจส่งผลให้ธนาคารกลางต่างๆ เผชิญแรงกดดันที่จะต้องดำเนินนโยบายการเงินในทิศทางเดียวกันกับธนาคารกลางสหรัฐฯ มากขึ้น ซึ่งคงเป็นปัจจัยที่คณะกรรมการนโยบายการเงินคงให้น้ำหนักในการพิจารณาระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่เหมาะสมในระยะต่อไป kb0207-1-a kb0207-2-b สำหรับผลต่อประเทศไทย การปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ คงส่งผลให้มีกระแสเงินทุนบางส่วนไหลออกจากตลาดตราสารหนี้และตลาดทุนไทย ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติได้มีการทยอยปรับลดการถือครองหุ้นและตราสารหนี้ไทยอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีของสหรัฐฯ ปรับสูงขึ้นเหนือระดับ 2.7% อันเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 ปี จากความกังวลต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายมากว่า 3 ครั้งของเฟด ที่ส่งผลให้เกิดความผันผวนในเงินทุนเคลื่อนย้ายและเป็นปัจจัยที่ช่วยผ่อนคลายการแข็งค่าของเงินบาทในระยะสั้นได้ส่วนหนึ่ง ในส่วนของต้นทุนทางการเงินอาจมีแนวโน้มขยับขึ้นในระยะข้างหน้า ตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยที่คงทยอยปรับขึ้นในทิศทางเดียวกันกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อย่างไรก็ดี ท่ามกลางสภาพคล่องในประเทศที่อยู่ในระดับสูง กนง. น่าจะยังมีช่องทางในการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดยให้น้ำหนักไปที่การเติบโตของเศรษฐกิจเป็นสำคัญ โดยการคงอัตราดอกเบี้ยของ กนง. คงช่วยบรรเทาไม่ให้ธุรกิจโดยเฉพาะกลุ่ม SME จากผลกระทบจากต้นทุนทางการเงินที่ขยับขึ้น

ที่มา : ศูนย์วิจัยกสิกรไทย โปรโมทแทรกอีบุ๊ก-6