ห้างเปิดศึกชิงนักช็อปจีน พารากอน-เซ็นทรัลจัดเต็มออฟไลน์-ออนไลน์

10 ก.พ. 2561 | 14:51 น.
ค้าปลีกเปิดศึกชิงนักช็อปจีน คาดตัวเลขทะลุหลักล้านคน เติบโต 20% จากปีก่อน “พารากอน-เซ็นทรัล” จัดเต็มอัดงบเพิ่มเท่าตัว ส่งโปรผ่านแอพล่อใจ คาดเงินสะพัดกว่า 5.7 หมื่นล้านบาท ทั้งจากการท่องเที่ยว ช็อปปิ้ง เครื่องเซ่นไหว้ อาหาร แฟชั่น

กำลังซื้อที่มีต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ภาพรวมในเดือนมกราคมมีการเติบโตเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ ขณะที่ในเดือนกุมภาพันธ์ “เทศกาลตรุษจีน” ถือเป็นอีเวนต์ใหญ่ที่ผู้ประกอบการค้าปลีกให้ความสำคัญ ด้วยจำนวนคนไทยเชื้อสายจีนที่อยู่ในเมืองไทย ตลอดจนนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวไทยมากเป็นอันดับ 1 จากจำนวนนักท่องเที่ยวกว่า 30 ล้านคน ซึ่งล้วนเป็นนักท่องเที่ยวที่มีพลังการจับจ่ายสูง

ขณะเดียวกันด้วยภาพรวมเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่คาดว่าจะเดินทางมาเพิ่มขึ้นกว่า 20% กอปรกับผู้ประกอบการค้าปลีกที่ต่างอัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเพื่อดึงดูดลูกค้าอย่างหนัก ผ่านช่องทางทั้งออฟไลน์และออนไลน์ และช่วงเทศกาลตรุษจีนที่ปีนี้ถูกกำหนดให้อยู่ในเดือนกุมภาพันธ์ ทำให้ลูกค้าที่เคยจับจ่ายในช่วงปีใหม่ กล้าที่จะกลับมาจับจ่ายซื้อสินค้าต่างๆ อีกครั้ง ล้วนเป็นปัจจัยบวกที่ส่งผลให้ตรุษจีนปีนี้มีเงินสะพัดกว่า 5.7 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน โดยการจับจ่ายหลักยังคงเป็นเรื่องของการท่องเที่ยวกว่า 3 หมื่นล้านบาท ซื้อเครื่องเซ่นไหว้ 6,500-7,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นการซื้อสินค้าตกแต่งบ้าน/ทำความสะอาดบ้าน/เสื้อผ้า/เครื่องแต่งกาย และการรับประทานอาหารนอกบ้าน เป็นต้น

MP36-3338-A ด้วยเม็ดเงินกว่า 3 หมื่นล้านบาทที่สะพัดจากการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลตรุษจีน ทำให้ศูนย์การค้ายักษ์ใหญ่ที่มีสาขา 32 แห่งทั่วประเทศ ต้องทุ่มงบกว่า 150 ล้านบาท ในการจัดทำแคมเปญเพื่อรองรับคนไทยเชื้อสายจีน ตลอดจนนักท่องเที่ยวจีนที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดยาวที่คาดว่าจะมีจำนวนมากกว่า 1 ล้านคนเลยทีเดียว

“ปีนี้เราอัดงบทัวริสต์เพิ่ม 100% เพื่อดึงดูดนักช็อปจีน ซึ่งคาดว่าช่วงตรุษจีนนี้จะเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 10-15% พร้อมใช้กลยุทธ์ Micro Location และ Micro Moment เพื่อซัพพอร์ตทัวริสต์จีนที่เป็นกลุ่ม Tech-Savvy ซึ่งเป็นกลุ่มคนจีนรุ่นใหม่ มีรายได้สูงและนิยมหาข้อมูลท่องเที่ยวผ่านออนไลน์และกลุ่ม First Visit ผ่านแอพพลิเคชันชื่อดังของจีนซึ่งมีแอกทีฟยูสเซอร์ กว่า 200 ล้านคนต่อเดือน” นายณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บมจ.เซ็นทรัลพัฒนากล่าว

เช่นเดียวกับนางมยุรี ชัยพรหมประสิทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานส่งเสริมการตลาด บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้าสยามพารากอน, สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ ที่กล่าวแสดงความคิดเห็นว่า นักท่องเที่ยวจีนถือเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญในเทศกาลตรุษจีนนี้ และเพื่อสร้างความแข็งแกร่งและเพิ่มแรงดึงดูดให้นักท่องเที่ยวจีนเข้ามาใช้บริการ ปีนี้จึงเป็นปีแรกที่ทั้ง 3 ศูนย์การค้าจับมือกันในนาม “วันสยาม” (One Siam) จัดแคมเปญในชื่อ “สยาม ดีไลต์ฟูล ไชนีส นิว เยียร์” ร่วมกัน แต่ขณะเดียวกันแต่ละศูนย์จะมีรูปแบบและกิจกรรมที่แตกต่างกันไป ตามภาพลักษณ์ของศูนย์ ได้แก่ สยามพารากอนจะเน้นอีเวนต์ที่เป็นลักชัวรี สยามเซ็นเตอร์จะเน้นอีเวนต์ที่เป็นความเป็นไทยร่วมสมัย และสยามดิสคัฟเวอรี่จะเป็นความคิดสร้างสรรค์ เป็นต้น

[caption id="attachment_257191" align="aligncenter" width="503"] มยุรี ชัยพรหมประสิทธิ์ มยุรี ชัยพรหมประสิทธิ์[/caption]

“ปีนี้เป็นครั้งแรกที่เราแยกเซ็กเมนต์ลูกค้าและทำกิจกรรมที่แตกต่างกัน เพื่อเจาะเข้าถึงลูกค้าให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนที่คาดว่าจะเข้ามาใช้บริการในศูนย์เพิ่มขึ้น 20% แคมเปญที่จัดขึ้นจึงมุ่งเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ 5 ประเทศหลัก ได้แก่ จีนแผ่นดินใหญ่, ฮ่องกง, เกาหลีใต้, มาเลเซีย และสิงคโปร์”

นอกจากนี้ปีนี้ยังนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ในการจัดโปรโมชันเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าและเพิ่มยอดขายให้มากขึ้น โดยลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติสามารถนำมือถือเข้ามาสแกน เพื่อรับแจก “ดิจิตอล อั้งเปา” ผ่านทางออนไลน์ ทั้งเฟซบุ๊ก และเว็บไซต์ต่างๆ ผ่านลิงก์ URL ของศูนย์การค้า รวมทั้ง AR Application เมื่อดาวน์โหลดแอพพลิเคชัน Flash Venture เพื่อรับอั้งเปา และส่วนลดต่างๆ ด้วย

นายอนวัช สังขะทรัพย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายการตลาด บริษัท โรบินสัน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ทิศทางการจับจ่ายสินค้าและกำลังซื้อของนักช็อปในธุรกิจค้าปลีกช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมาพบว่ามีสัญญาณที่ดีอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีเทศกาลสำคัญที่เป็นปัจจัยในการกระตุ้นการจับจ่ายสินค้าของนักช็อป ทั้งเทศกาลปีใหม่และวันเด็ก ที่ส่งผลให้หลากหลายธุรกิจค้าปลีกต่างงัดกลยุทธ์การตลาดมาแข่งขันกันอย่างดุเดือด เพื่อช่วงชิงกำลังซื้อ อย่างไรก็ดีคาดการณ์ว่าสถานการณ์ของตลาดค้าปลีกไทยจะทวีความคึกคักอย่างต่อเนื่องในเดือนกุมภาพันธ์เนื่องจากมีอีก 2 เทศกาลใหญ่ที่จะเป็นปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นความต้องการในการจับจ่ายสินค้าอย่างเทศกาลตรุษจีนและเทศกาลวาเลนไทน์

ทั้งนี้คาดว่าจะส่งผลให้เกิดการแข่งขันที่สูงในแวดวงธุรกิจค้าปลีกไทย และรุนแรงมากกว่าปีที่ผ่านมาเพราะผู้เล่นแต่ละรายพยายามนำเสนอกลยุทธ์เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าง่ายขึ้น ดังนั้นจะเห็นว่าช่วงนี้แต่ละห้างสรรพสินค้าต่างนำเสนอแคมเปญตลาดออกมาดึงดูดลูกค้า รวมถึงโรบินสันเช่นกันที่ล่าสุดทุ่มงบกว่า 25 ล้านบาทในการทำ 2 แคมเปญใหญ่ ทั้งโรบินสัน ไชนีส นิวเยียร์ 2018 และโรบินสันไลฟ์สไตล์ ตรุษจีน เฮงสะท้านโลกันต์ ตอน ลิขิตรักเฒ่าจันทรา

แบนเนอร์ชั่วโมงฐานเศรษฐกิจ “ทำอย่างไรที่จะกระตุ้นการตัดสินใจซื้อสินค้าของนักช็อปที่ง่ายขึ้น และสร้างบรรยากาศในการช็อปให้มีความคึกคักมากขึ้นซึ่งโรบินสันตั้งเป้าหมายที่จะมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้นกว่า 15%”

ขณะที่เดอะ มอลล์ กรุ๊ป ทุ่มงบกว่า 80 ล้านบาทจัดแคมเปญใหญ่ทั้งในห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้า เพื่อกระตุ้นยอดขายในช่วงเทศกาลตรุษจีน โดยไฮไลต์จะเป็นการผนวก 3 กลยุทธ์หลัก อย่าง Emotional Marketing, Functional Marketing และ Superstitious Marketing (การตลาดโชคลาง) มาไว้รวมกัน ในแคมเปญ Chinese New Year Joy Luck Love และ The Mall Happy Chinese New Year

โดยนายชำนาญ เมธปรีชากุล รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า เชื่อว่ากำลังซื้อในไตรมาสแรกยังดีอยู่ และมีปัจจัยบวกต่างๆ มากมายไม่ว่าจะเป็นจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้น ภาพรวมเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว รวมถึงการทำแคมเปญต่างๆ ของห้างทำให้เชื่อว่าในการจัดแคมเปญตรุษจีนครั้งนี้จะมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้น ส่งผลให้มียอดขายรวมกว่า 2,700 ล้านบาท และทำให้มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการในศูนย์เพิ่มขึ้น 15%

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,338 วันที่ 8 - 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว