BMW X2 สนุก ซุกซน จับคนรุ่นใหม่

08 ก.พ. 2561 | 04:41 น.
ในกลุ่มเอสยูวีระดับเริ่มต้น กลายเป็น “เมอร์เซเดส-เบนซ์” ที่ขยับตัวช้า หรือมีโปรดักต์ไลน์อัพน้อยกว่าคู่แข่งแล้วละครับ

Fabian Kirchbauer Photography Fabian Kirchbauer Photography เมื่อ“อาวดี้” มีทั้ง คิว2,คิว3 ส่วน “บีเอ็มดับเบิลยู” จัด เอ็กซ์1, เอ็กซ์2 และแบรนด์ในเครืออย่าง“มินิ” ยังวางคันทรีแมนเอาไว้ล่อใจ ส่วน “วอลโว่” มี เอ็กซ์ซี40 ที่พัฒนาใหม่ ในขณะที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ตั้งรับด้วย “จีแอลเอ” เพียงรุ่นเดียว หรือขยับขึ้นไปเป็น “จีแอลซี” ก็จะไปชนกับรุ่นอื่นๆของคู่แข่งอยู่ดี (คิว5,เอ็กซ์3,เอ็กซ์ซี60)

แต่เอาละครับ การที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ ยังมี “จีแอลเอ”และกลุ่มคอมแพ็กต์ คาร์ขับเคลื่อนล้อหน้ารุ่นอื่นๆ ก็ช่วยส่งเสริมให้ครองเจ้าตลาดรถหรูของโลกได้อีกสมัย (2.29 ล้านคัน) เช่นเดียวกับตลาดเมืองไทย (1.45 หมื่นคัน)

อย่างไรก็ตาม ในช่วงตลาดเอสยูวีเบ่งบานใครมีทางเลือกที่หลากหลายและทำรถออกมาโดนใจ ตรงกลุ่มเป้าหมายในตลาดที่เหมาะสม ย่อมหมายถึงโอกาสในการปิดการขายได้มากขึ้น ที่สำคัญกลุ่มคนรุ่นใหม่ หรือ “นิวเจน” อาจจะไม่ยึดติดกับแบรนด์มากนัก ขอแค่ชอบและราคาเข้าถึงได้ ก็ตัดสินใจซื้อไม่ยาก

บีเอ็มดับเบิลยู จึงไม่เหนียมอายในการพูดถึง “เอ็กซ์2” ว่ารถคันนี้มันทั้ง Cool Funky Unique และ Different ซึ่งสะท้อนไปถึงกลุ่มลูกค้ามุ่งหวังได้เป็นอย่างดี MP33-3338-5A MP33-3338-6A

ช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา ผมมีโอกาสไปลองขับ “บีเอ็มดับเบิลยู เอ็กซ์2” ถึงประเทศโปรตุเกส โดยใช้เวลาเดินทางเกือบ 20 ชม.(ถ้านับตั้งแต่ก้าวออกจากบ้านถึงสนามบินในกรุงลิสบอน) เพื่อไปใช้เวลาครึ่งวันกับรถคันนี้ ซึ่งถือว่าเพียงพอและคุ้มค่าหลังได้ทำความรู้จักกับเอสยูวีสายพันธุ์ใหม่

เอาเป็นว่าบ้านไหน ใครจะซื้อ ซีรีส์2 แอคทีฟ-แกรนด์ทัวร์เรอร์ หรือ เอ็กซ์1 ก็จัดไปตามชอบครับ แต่ตัวผมของลงหลักปักใจกับ “เอ็กซ์2” รุ่นนี้แล้วกัน

โดย “เอ็กซ์2” ใช้พื้นฐานการพัฒนาเดียวกับรุ่นที่กล่าวมาด้านบน รวมถึงมินิ คันทรีแมน ด้วยแพลต ฟอร์ม UKL2 เครื่องยนต์วางขวางกับรถอเนกประสงค์ขับเคลื่อนล้อหน้า(เป็นหลัก)

ในขณะที่รถรุ่นพี่น้องที่แชร์พื้นฐานวิศวกรรมเดียวกัน มีทางเลือกอย่างเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ 1.5 ลิตร เทอร์โบ เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด แต่สำหรับ “เอ็กซ์2” เริ่มต้นด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร เทอร์โบ พร้อมเกียร์ดูอัลคลัตช์ 7 สปีดใหม่

แค่นี้ก็รู้แล้วว่า บีเอ็ม ดับเบิลยูตั้งใจเน้นให้“เอ็กซ์2” ตอบสนองด้านสมรรถนะมากกว่า ความเรื่อยๆ เปื่อย นุ่มสบายแบบรถแม่บ้านรับส่งลูกอย่าง “ซีรีส์2” แอกทีฟ-แกรนด์ทัวร์เรอร์ หรือเอสยูวี ที่ตั้งใจขายแบรนด์กับเน้นราคา อย่าง “เอ็กซ์1”

สำหรับเมืองไทยจะได้ขายรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน X2 sDrive20i ในรูปแบบนำเข้าทั้งคันก่อน (เปิดตัวบางกอกมอเตอร์โชว์2018) ส่วนรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลคงต้องรอการประกอบในประเทศ

ในยุโรป “เอ็กซ์2” จะเริ่มส่งมอบให้ลูกค้าได้ในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายนนี้เป็นต้นไปแล้วครับ ส่วนรถที่ผู้สื่อข่าวทั่วโลกได้ลองขับที่กรุงลิสบอน เป็น X2 xDrive20d ที่จัดเต็มทั้งสมรรถนะและออพชัน

โดยรุ่นนี้มาพร้อมชุดแต่งที่เหนือกว่า M Sport ที่เราคุ้นเคย ซึ่งใช้ชื่อว่า M Sport X หลักๆก็เพิ่มชุดแต่งตรงกันชนหน้า(สีตัดกับตัวถัง) สปอยเลอร์หลัง และขนาดของล้ออัลลอย 19 นิ้ว(20 เป็นออพชัน) และการตกแต่งภายในที่ใช้เบาะหนังอคันทารา MP33-3338-1A Fabian Kirchbauer Photography Fabian Kirchbauer Photography Fabian Kirchbauer Photography Fabian Kirchbauer Photography

นอกจากนี้ ยังมาพร้อมช่วงล่างแบบ M Sport ที่ปรับให้หนึบแน่นและลดความสูงลงมาจากรุ่นปกติ 10 มม. ส่งผลให้ระยะตํ่าสุดจากพื้น (Ground Clearance) เหลือแค่ 172 มม.

อย่างไรก็ตาม จากการที่ผมได้คุยกับวิศวกรของ บีเอ็มดับเบิลยู เขายังยํ้าว่าในรุ่นปกติ(ไม่ได้มาพร้อมช่วงล่าง M) ช่วงล่างของ “เอ็กซ์2” จะถูกเซ็ตให้แข็งกว่า “เอ็กซ์1” อยู่แล้วเช่นเดียวกับการควบคุมของพวงมาลัยที่เน้นความสปอร์ตกว่า

ดังนั้นยิ่งเป็นช่วงล่างแบบ M Sport พร้อมล้ออัลลอย 19 นิ้ว ประกบยางของ “พิเรลลี่” 225/45 R19 ขับแล้วก็หนึบแน่นแข็งจริงครับ เพียงแต่ว่าเส้นทางที่วางไว้ให้ลองขับนั้น ถนนเรียบมากๆ ในภาพรวมจึงรู้สึกถึงแรงกระแทกน้อย

ช่วงล่างหน้าแบบ ซิงเกิล-จอยต์ สปริงสตรัต ด้านหลังเป็นมัลติ-อาร์ม และการบังคับคุมพวงมาลัยที่ผ่อนแรงด้วยไฟฟ้าแบบเซอร์โวทรอนิกส์ พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยรวมสัมผัสได้ถึงความดิบเล็กๆ หรือจังหวะการเข้า-ออกโค้ง ยังเฉียบคมกว่า X1 xDrive20d พอสมควร

ส่วนพลังจากเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบ 190 แรงม้า ประกบเกียร์ 8 สปีดชุดนี้ปกติก็ขับดีอยู่แล้ว ยิ่งมาในรถขนาดกะทัดรัด (เล็กกว่าเอ็กซ์1) เตี้ยลง จุดศูนย์ถ่วงตํ่า รู้สึกถึงความทะมัดทะแมงมากขึ้นไปอีก ส่วนตัวเลขของอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 7.7 วินาที ตอบสนองว่องไวทุกย่านความเร็ว

ทั้งนี้ บีเอ็มดับเบิลยูมองคู่แข่งไปที่ “เมอร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลเอ” และ “เรนจ์โรเวอร์ อีโว้ค” ซึ่งเทียบกับรุ่นแรก “เอ็กซ์2” จะชัดเจนกว่าเรื่องช่วงล่างและการควบคุมแบบสปอร์ต หรือการเข้าไปนั่งในห้องโดยสารแล้วอึดอัดน้อยกว่า
ส่วนรุ่นหลังที่เป็นแบรนด์ดังจากอังกฤษ สมรรถนะดีทั้งเครื่องยนต์ดีเซลและระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แต่ราคาก็กระโดดไประดับ 3.7 ล้านบาท ส่วน “เอ็กซ์2” ค่าตัวไม่น่าจะถึง 3 ล้านบาท Fabian Kirchbauer Photography Fabian Kirchbauer Photography Fabian Kirchbauer Photography Fabian Kirchbauer Photography

“เอ็กซ์2” ยังมาพร้อมลูกเล่นใหม่ในเชิงสัญลักษณ์ ทั้งโลโกใบพัดสีฟ้าที่แปะอยู่ตรงเสา-ซี (C-Pillars) ซึ่งเคยเห็นในรถคลาสสิกอย่าง 3.0CSL กระจังหน้าไตคู่กลับหัว (ต่างจากรุ่นอื่นๆที่ปกติความกว้างของด้านบนจะมากกว่าด้านล่าง) และปลายท่อไอเสียถูกปรับให้ใหญ่ขึ้น

แบนเนอร์รายการฐานยานยนต์ ขณะที่ตัวหนังสือบอกชื่อรุ่นย่อย(ขุมพลังและระบบขับเคลื่อน เช่น xDrive20d) ถูกย้ายจากด้านข้างตรงซุ้มล้อ ไปแปะอยู่ที่ประตูท้าย (บานที่5) ซึ่งแนวทางนี้จะถูกใช้ในรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูรุ่นอื่นๆต่อไปด้วยครับ

รวบรัดตัดความ... “เอ็กซ์2”เตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงานบางกอกมอเตอร์โชว์ 2018 เดือนมีนาคมนี้ประเดิมด้วยรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน X2 sDrive20i นั่นหมายถึงบีเอ็ม ดับเบิลยูจะมีเอสยูวีตระกูล “เอ็กซ์” ตั้งแต่เลข 1 ไปจนถึง 6 ไม่รวมตัวใหญ่สายพันธุ์ใหม่ “เอ็กซ์7” ที่กำลังจะมาอีกรุ่น คงเลือกกันไม่ถูกละครับงานนี้ แต่ถ้าพิจารณาในพื้นฐานราคาที่พอคุยกันได้ สมทบด้วยอารมณ์วัยรุ่นจ๊าบๆ มีกลิ่น Funky นิดๆ ชอบสมรรถนะออกแนวสปอร์ตก็จัด “เอ็กซ์2” ไปโลด MP33-3338-3A MP33-3338-2A Fabian Kirchbauer Photography

MP33-3338-4A จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,338 วันที่ 8 - 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว