ปภ.เตือน7 จ.ภาคใต้รับมือฝนตกหนัก 6-7 ก.พ.

ปภ.เตือน7 จ.ภาคใต้รับมือฝนตกหนัก 6-7 ก.พ.

นายกอบชัย บุญอรณะ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่าจากการที่กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมบริเวณอ่าวไทยและภาคใต้ยังคงมีกำลังแรง ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนและมีฝนตกหนักในบางพื้นที่บริเวณ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี สงขลา ระนอง พังงา และภูเก็ต ซึ่งปริมาณฝนสะสมอาจส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำท่วมขังในระยะสั้น คลื่นลมทะเลอ่าวไทย ตั้งแต่ จังหวัดนครศรีธรรมราช ลงไปมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูงถึง 2-3 เมตร



ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งทะเลอ่าวไทย ควรระมัดระวังอันตรายจากคลื่นลมแรงที่พัดเข้าหาฝั่ง ชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือดาดฟ้าเปิดควรงดออกจากฝั่ง และขอให้ติดตามข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด

สำหรับสถานการณ์อุทกภัย ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2561 เกิดฝนตกหนัก (วัดปริมาณน้ำฝนสูงสุดที่ อ.สวี 134 มม. ทำให้น้ำท่วมในพื้นที่ อำเภอทุ่งตะโก ต.ทุ่งตะไคร หมู่ 1,2,3,8 ต.ช่องไม้แก้ว หมู่ 1 และ 3 ตำบลตะโก หมู่ และ หมู่ 12 ประชาชนได้รับผลกระทบ 62 ครัวเรือน 268 คน พื้นที่การเกษตร 390 ไร่ ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว
ด้านศูนย์ติดตามและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รายงานช่วงภัยสถานการณ์น้ำท่วมวันที่ 20 พฤศจิกายน 2560 - ปัจจุบัน อิทธิพลของหย่อมความกดอากาศต่ำ ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้เกิดฝนตกหนักถึงหนักมากในพื้นที่ภาคใต้ส่งผลให้เกิดอุทกภัยตั้งแต่วันที่ 20 พ.ย. 60 เป็นต้นมา สถานการณ์อุทกภัยภาคใต้ ในพื้นที่ 13 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ นครศรีธรรมราช นราธิวาส สงขลา พัทลุง ปัตตานี ยะลา ตรัง สตูล สุราษฎร์ธานี กระบี่ และชุมพร ปัจจุบันเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว

ผลกระทบด้านการเกษตร พื้นที่ได้รับผลกระทบ 14 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ตรัง นครศรีธรรมราช นราธิวาส ปัตตานี พัทลุง ยะลา สงขลา สตูล สุราษฎร์ธานี กระบี่ พังงา และชุมพร เกษตรกร รวม 617,349 ราย สำรวจพบความเสียหายแล้ว เกษตรกร 50,960 ราย คิดเป็นวงเงินช่วยเหลือ 335.24 ล้านบาท