สั่งผ่าตัดใหญ่นมโรงเรียน ป.ป.ช.ขีดเส้น30วันเกษตรฯชงครม.-5 รายส่อกลิ่นตุ

07 ก.พ. 2561 | 08:51 น.
“กฤษฎา” ขอเวลาตรวจสอบทุจริตฟอกนมโรงเรียน 1.4 หมื่นล้าน ประธานอนุฯ ชี้ข้อมูลตรงกับกองปราบมี 5 รายส่อกลิ่นตุ เปิดหนังสือ ป.ป.ช. ส่งข้อเสนอรัฐป้องกันทุจริต ลดการผูกขาด จี้ถอดผู้มีส่วนได้เสียออกจากอนุฯทุกชุด ขีดเส้น 30 วัน ส่งรายงานผลเข้าครม. รับทราบ

กรณีนายกสมาคมผู้ผลิตนม ยู.เอช.ทีได้แจ้งความร้องทุกข์กับกองบังคับการปราบปรามเพื่อให้ดำเนินคดีกับเกษตรกร โรงนมเอกชน และศูนย์รวบรวมนมรวม 25 ราย ระบุมีการซื้อขายนํ้านมโคเป็นเท็จ (ฟอกนม) ซึ่งทางกองบังคับการปราบปรามตรวจสอบเบื้องต้นแจ้งว่าในจำนวนนี้มี 5 รายที่มีหลักฐานการซื้อขายต่างจากรายงานนั้น

kidda3

นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” เรื่องการสอบโรงนมสหกรณ์ที่มีการฟ้องร้องกันจนเรื่องไปถึงกองบังคับการปราบปรามนั้น ยังมีข้อมูลที่ขัดแย้ง ต้องขอเวลาตรวจสอบก่อนว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร ใครผิดก็ว่าไปตามผิด

ขณะที่นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ในฐานะประธานอนุกรรมการบริหารนมโรงเรียน กล่าวว่า สรุปผลการตรวจสอบ เป็นไปตามที่ตำรวจกองปราบฯแจ้งว่า ยังมี จำนวน 5 ราย ที่มีหลักฐานการซื้อขายต่างจากรายงาน ส่วนนอกนั้นผลการตรวจสอบตรงกับรายงาน

ด้านนายวสันต์ จีนหลง นายกสมาคมนมพาสเจอร์ไรซ์ และในฐานะกรรมการในคณะอนุกรรมการบริหารจัดการโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน เปิดเผยว่า นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ได้ส่งหนังสือของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ถึงกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2560 มอบหมายให้เป็นหน่วยงานหลักไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และให้จัดทำรายงานผลการดำเนินการเรื่องนี้ส่งให้สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอครม.

“สาระสำคัญของหนังสือได้ให้ไปปรับปรุง เรื่องการจัดสรรสิทธิ์ในการจำหน่ายให้แก่ผู้ประกอบการเพื่อลดการผูกขาด และให้มีการทบทวนบทบาทของหน่วยงานซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวกลางคือองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) ระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาในเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้จากการปฏิบัติหน้าที่ 2 บทบาทในเวลาเดียวกัน”

milk

นอกจากนี้ยังเสนอให้กระทรวง จัดซื้อนมโรงเรียน โดยให้โรงเรียนเป็นผู้สั่งซื้อได้โดยตรงผ่านระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ผ่านระบบการจัดหาพัสดุด้วยวิธีตลาดอิเล็ก ทรอนิกส์ และวิธีการประกวดราคา ควรมีการพิจารณาทบทวนและปรับปรุงองค์ประกอบของคณะอนุกรรมการหรือคณะทำงานชุดต่างๆ ภายใต้คณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม (มิลค์บอร์ด) ไม่ควรมีตัวแทนของฝ่ายผู้ประกอบการหรือผู้มีส่วนได้เสียเข้าไปเป็นอนุกรรมการ ส่วนคณะอนุกรรมการที่มีหน้าที่ในการตรวจสอบ กำกับดูแล การดำเนินงาน หรือคุณภาพของนมโรงเรียน ไม่ควรเป็นหน่วยงานภาครัฐที่เป็นผู้รับผิดชอบโครงการเพียงฝ่ายเดียว และควรพิจารณาการดำเนินงานของมิลค์บอร์ด โดยมุ่งเน้นให้มีอำนาจหน้าที่หลักในการกำหนดนโยบาย แต่ไม่ควรมีอำนาจในการจัดสรรสิทธิในการจำหน่ายนมโรงเรียนให้แก่ผู้ประกอบการโดยตรง เพื่อป้องกันปัญหาการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม

ad-hoon-1
“ป.ป.ช. มีข้อเสนอ ถึง อ.ส.ค. ในฐานะเลขานุการ มิลค์บอร์ด ให้มีการปรับปรุงฐานข้อมูลต่างๆ ให้มีความเป็นปัจจุบันอยู่เสมอ อาทิ ปริมาณนํ้านมดิบ จำนวนนักเรียน จำนวนโรงเรียน เป็นต้น ให้พิจารณาจัดสรรสิทธิให้แก่ผู้ประกอบการนั้นควรคำนึงถึงระยะทางการขนส่งให้มีความเหมาะสมกับที่ตั้งและโรงงานผลิตนม เพื่อลดปัญหาในเรื่องคุณภาพนมโรงเรียน ส่วนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ต้องให้ความสำคัญและเข้มงวดในขั้นตอนการส่งมอบและรับมอบนมโรงเรียน อีกทั้งให้จัดชุดเฉพาะกิจเพื่อบูรณาการป้องกันและปราบปรามการทุจริต และควรเปิดโอกาสให้ตัวแทนภาคประชาชนหรือผู้บริโภคได้เข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบ”

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,337 วันที่ 4 - 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว