ดิจิตอลทรานส์ฟอร์เมชัน ผลักดันเกิดแอพพลิเคชันเซอร์วิสใหม่
แม้ว่าจะมีช่องโหว่ด้านความปลอดภัยที่ก่อให้เกิดการคุกคามได้ทันทีแต่ยังไม่มีสัญญาณว่าองค์กรต่างๆ จะชะลอการนำดิจิตอลทรานส์ฟอร์เมชันมาปรับใช้ในธุรกิจ แอพพลิเคชันกลายเป็นสิ่งใหม่ที่ใช้งานกันทั่วไปในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เพราะการนำเทคโนโลยีดิจิตอลมาใช้พัฒนารูปแบบธุรกิจใหม่ๆ ได้เปลี่ยนวิธีการปฏิสัมพันธ์ของคนในภูมิภาคเอเชียกว่า 4 พันล้านคนในยุคที่เศรษฐกิจถูกขับเคลื่อนด้วยข้อมูล
รายงานสถานะการนำเสนอ แอพ ปีนี้ชี้ให้เห็นว่า ดิจิตอล ทรานส์ฟอร์เมชันส่งผลต่อธุรกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกอย่างไร องค์กรธุรกิจต่างมุ่งวางรากฐานเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้กับผู้ใช้แอพพลิเคชันของตน ที่มอบทั้งความรวดเร็ว ชาญฉลาดและปลอดภัยมากขึ้น
ในรายงานผลสำรวจประจำปีที่ 4 นี้ F5 ได้ทำการสอบถามถึงบทบาทสำคัญของแอพพลิเคชันเซอร์วิสที่ช่วยให้องค์กรต่างๆ ใช้แอพได้รวดเร็วขึ้น สมาร์ทขึ้นและปลอดภัยมากขึ้น จากมืออาชีพด้านแอพพลิเคชัน ระบบเครือข่ายและไอทีกว่า 3,000 คน รวมทั้งมืออาชีพด้านระบบรักษาความปลอดภัยที่เรียกว่า security pros จากทั่วโลกซึ่งได้ให้คะแนนในหัวข้อต่างๆ ที่เกี่ยวกับการนำเสนอแอพพลิเคชันตั้งแต่หัวข้อพับลิกและไพรเวตคลาวด์ และการปรับใช้มัลติ-คลาวด์ หัวข้อความท้าทายด้านความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น การใช้ระบบอัตโนมัติและการทำงานให้สอดประสานทั้งหมดทุกสภาพแวดล้อม และหัวข้ออนาคตแอพพลิเคชันเซอร์วิสที่องค์กรต้องการ
ผู้ตอบผลสำรวจมาจากทุกภาคอุตสาหกรรมทั่วโลก ทั้งองค์กรภาครัฐ องค์กรการเงิน องค์กรเทคโนโลยีและองค์กรการศึกษา และเป็นผู้มีบทบาทในการพัฒนาแอพพลิเคชัน ระบบความปลอดภัยของไอที และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งเดฟออปส์ไปจนถึงผู้บริหาร โดยจากรายงานพบว่ามีผลสำรวจที่เป็นประเด็นที่น่าสนใจไว้หลายข้อด้วยกัน ดังนี้
• ดิจิตอล ทรานส์ฟอร์เมชัน จุดประกายการใช้สถาปัตยกรรมใหม่และการริเริ่มสุดยอดการพัฒนาด้านไอที
69% ของผู้ตอบแบบสำรวจในเอเชีย-แปซิฟิก ให้ความเห็นว่า การพัฒนาโครง สร้างพื้นฐานด้านไอทีและการปรับกระบวนการให้มีประสิทธิภาพสูงสุดยังคงเป็นส่วนขับเคลื่อนสำคัญประการแรกๆ ในการ พัฒนารูปแบบธุรกิจด้วยเทคโน โลยีดิจิตอลหรือดิจิตอล ทรานส์ ฟอร์เมชัน ในขณะที่กว่าครึ่ง (51%) ตอบว่าดิจิตอล ทรานส์ ฟอร์เมชันกระตุ้นให้เกิดการส่งมอบแอพจากคลาวด์ ผู้ตอบแบบสำรวจจำนวน 44% ตอบว่ากำลังเปลี่ยนรูปแบบ การพัฒนาแอพ และจำนวน 37% รายงานว่ากำลังสำรวจสถาปัตยกรรมของแอพใหม่ๆ อาทิ คอนเทนเนอร์และไมโครเซอร์วิสเซส
• มัลติ-คลาวด์ช่วยให้เกิดกลยุทธ์การพัฒนา “สุดยอดคลาวด์สำหรับแอพ”
องค์กรส่วนมากกำลังดำเนินกลยุทธ์การใช้แอพ แต่ละแอพให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด จึงนำไปสู่การเลือกใช้คลาวด์จากหลายค่ายหรือมัลติ-คลาวด์ 84% ของผู้ตอบผลสำรวจกำลังใช้มัลติ-คลาวด์ และเกือบครึ่งหรือ 49% ตอบว่าการเลือกใช้ คลาวด์ของค่ายใดนั้นขึ้นอยู่กับแอพ แต่ละแอพที่ใช้
• การบริการแอพพลิเคชันคือประตูสู่อนาคต
โดยเฉลี่ยแต่ละองค์กรจะใช้บริการแอพด้านต่างๆ ประมาณ 16 รายการที่แตกต่างกันเพื่อให้แอพทำงานรวดเร็ว ปลอดภัยและใช้งานได้ตลอดเวลา ความปลอดภัยยังคงเป็นบริการด้านแอพที่สำคัญที่สุด แต่ปีนี้ แอพ เกตเวย์ เซอร์วิส กลายเป็นบริการที่เป็นที่ต้องการอย่างมากเนื่องจากองค์กรไอทีต้องเตรียมพร้อมเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิตอล ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก 4 ใน 5 รูปแบบการบริการด้านแอพที่เป็นที่นิยมสูงสุด ซึ่งองค์กรชั้นนำวางแผนที่จะนำมาใช้ในอีก 12 เดือนข้างหน้าคือ แอพ เกตเวย์ เซอร์วิส ได้แก่ SDN, API, IOT และ HTTP/2
• การใช้งานมัลติ-คลาวด์ มากขึ้นทำให้เกิดความไม่มั่นใจในด้านความปลอดภัย
ดิจิตอลทรานส์ฟอร์เมชันผลักดันให้องค์กรนำเสนอแอพ จากคลาวด์กันมากขึ้น แต่ความเชื่อมั่นขององค์กรว่าสามารถรับมือกับการโจมตีได้เริ่มสั่นคลอนเนื่องจากการขาดประสบการณ์และความชำนาญในการรักษาความปลอดภัยให้แอพพลิเคชันที่ใช้งานบนพับลิก คลาวด์ จากผลสำรวจ พบว่า 28% ของผู้ตอบแบบสำรวจทั่วโลกให้ความเห็นว่าการปกป้องแอพ เป็นความท้าทายด้านความปลอดภัยประการสำคัญที่สุด ซึ่งนำไปสู่การนำ Web Application Firewalls (WAFs) มาใช้มากขึ้น ในขณะที่มีเพียง 2% ที่ตอบว่าจะไม่ใช้WAFs ในการป้องกันภัยให้แอพ ในอีก 12 เดือนข้างหน้า
แผนกไอทีขององค์กรต่างกำลังสร้างมาตรฐานการทำงานด้วยระบบอัตโนมัติและสอดประสานกันทุกสภาพแวดล้อม เพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านการปฏิบัติการ (OpEx) กว่า 8 ใน 10 ของผู้ตอบแบบสอบถามในเอเชีย- แปซิฟิก หรือ 81% รายงานว่าได้ใช้ระบบอัตโนมัติในการผลิตโดยส่วนใหญ่พิจารณาใช้ซอฟต์แวร์ของแบรนด์ยักษ์ใหญ่ทั้งสาม ได้แก่ VMware, Cisco และ OpenStack เพื่อตอบสนองความต้องการด้านระบบอัตโนมัติ
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,337 วันที่ 4 - 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561
