ปูพรม 329 กิจกรรม ดันส่งออกโตกว่า6%

03 ก.พ. 2561 | 09:33 น.
ตัวเลขการส่งออกของไทยในปี 2560 ที่สามารถทำได้ถึง 2.36 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัว 9.9% สูงสุดในรอบ 6 ปี ถือเป็นความท้าทายอย่างยิ่งว่าในปี 2561 ไทยจะยังรักษาโมเมนตัมการส่งออกให้ขยายตัวอย่างต่อเนื่องได้ในระดับที่ใกล้เคียงกันหรือไม่ ซึ่งนอกจากงานหนักที่ตกกับผู้ส่งออกที่ต้องฝ่าปัจจัยเสี่ยงนานัปการที่รออยู่ข้างหน้าแล้ว ในส่วนของภาครัฐที่มีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศในสังกัดกระทรวงพาณิชย์เป็นหัวหอกในการทำงานส่งเสริมและสนับสนุนผู้ส่งออกเคียงคู่กันไปจะมีแนวทาง กลยุทธ์อย่างไรนั้น ฟังจากปาก “จันทิรา ยิมเรวัต วิวัฒน์รัตน์” อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศคนปัจจุบันที่ให้สัมภาษณ์กับ “ฐานเศรษฐกิจ”

++ส่งออกปี61โตไม่ต่ำ6%
“จันทิรา” กล่าวว่า ตัวเลขการส่งออกของไทยปีที่ผ่านมาที่ขยายตัวได้ถึง 9.9% เป็นผลจากตลาดส่งออกเกือบทุกตลาดมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะตลาดหลัก และตลาดศักยภาพสูง ทั้งสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น อาเซียน และจีนที่มีมูลค่าส่งออกสูงสุด(2.9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ส่วนปี 2561 นี้ เบื้องต้นคาดการส่งออกของไทยจะขยายตัวได้ที่ 6% (รอหารือเป้าหมายส่งออกกับทูตพาณิชย์ทั่วโลกอีกครั้งในเดือนกุมภาพันธ์นี้)

“มีหน่วยงานอื่นๆที่มีการประเมินตัวเลขส่งออกไปในทิศทางเดียวกันว่า จะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เช่นสภาพัฒน์ประมาณการไว้ที่ 5% ภาคเอกชน 3 สถาบัน(กกร.) คาดขยายตัวที่ 6.5-7.5% สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง คาดขยายตัว 5.7% ธนาคารแห่งประเทศไทย 4% และสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทยที่ 5.5%”

[caption id="attachment_255006" align="aligncenter" width="503"] “จันทิรา ยิมเรวัต วิวัฒน์รัตน์ “จันทิรา ยิมเรวัต วิวัฒน์รัตน์[/caption]

++ปัจจัยบวกหนุนส่งออก
สำหรับปัจจัยหนุนที่จะช่วยสนับสนุนให้การส่งออกเป็นไปตามเป้าหมาย มีหลายปัจจัย ที่สำคัญได้แก่เศรษฐกิจและการค้าโลกฟื้นตัว ราคานํ้ามันที่เริ่มอยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพจากการปรับตัวเข้าสู่สมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทาน และจากการฟื้นตัวของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ในขณะที่ภาคการท่องเที่ยวมีการขยายตัวต่อเนื่อง รวมไปถึงแนวโน้มการเข้ามาลงทุนของบริษัทต่างชาติในโครงการระเบียงเศรษฐ กิจภาคตะวันออก (EEC) และธุรกิจ E-Commerce ที่ขยายตัว ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่จะผลักดันให้การส่งออกของไทยมีทิศทางที่สดใสในอนาคต ทั้งนี้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) มีการคาดการณ์เศรษฐกิจโลกในปี 2561 จะขยายตัวที่ 3.7% เป็นผลจากการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นในหลายภูมิภาคไม่ว่าจะเป็นอินเดีย ตะวันออกกลาง และแอฟริกา เป็นต้น

++บาทแข็ง-ปัจจัยเสี่ยงอื้อ
อย่างไรก็ตามในปีนี้ภาคการส่งออกของไทยยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิดที่สำคัญได้แก่ อัตราแลกเปลี่ยนที่มีความผันผวนโดยเงินบาทแข็งค่าขึ้นมากเมื่อเทียบกับสกุลเงินของประเทศคู่ค้า และคู่แข่งขัน ความเสี่ยงจากนโยบายการค้าและมาตรการทางเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าสำคัญ เช่น ความไม่แน่นอนของนโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐฯ และผลกระทบจากกรณีอังกฤษจะออกจากสหภาพยุโรป (BREXIT) มาตรการกีดกันทางการค้าในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำประมงผิดกฎหมาย (IUU) มาตรฐานแรงงาน การกำหนดมาตรฐานสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า มาตรการจำกัดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได ออกไซด์ของตะวันออกกลาง เวียดนามกำหนดมาตรการตรวจสอบรถยนต์ที่จะนำเข้าทุกคัน รวมไปถึงแนวโน้มการกำหนดนโยบายส่งเสริมการผลิตในประเทศทดแทนการนำเข้าโดยเฉพาะจีนในสินค้านํ้าตาล และอินโดนีเซียในสินค้าข้าว ปัญหาค่าระวางเรือที่มีแนวโน้มจะปรับตัวสูงขึ้นตามราคานํ้ามัน รวมถึงผลจากเหลือสายเดินเรือหลักแค่ 4 สายที่จะเป็นผู้กำหนดราคา

++อัด329กิจกรรมดันตัวเลข
สำหรับกิจกรรมสนับสนุนและผลักดันการส่งออกของกรมที่จะดำเนินการในปี 2561 นี้ จะผ่าน 5 ยุทธศาสตร์หลัก รวม 329 กิจกรรม ได้แก่ 1.การเร่งรัดขยายตลาดส่งออกเชิงรุก ทั้งPhysical และตลาดดิจิตอลโดยจะโฟกัสไปยังกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ เช่นตลาดผู้สูงอายุ กลุ่มสถาบัน กลุ่มฮิสแปนิก กลุ่มรักสัตว์ เป็นต้น รวมไปถึงการต่อยอดกลยุทธ์การเจาะตลาดเป็นรายเมือง สานต่อนโยบายความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจกับประเทศคู่ค้า 2.การปรับโครงสร้างการค้าสู่ภาคบริการให้มากขึ้น โดยจะเจาะจงไปยังกลุ่มเป้าหมาย เช่น นวดแผนไทย มวยไทย ในจีน แอฟริกา และตะวันออกกลาง ผ่านการจับคู่ธุรกิจ เช่น การลงทุนในโครงการดูแลผู้สูงอายุของจีนในไทย เป็นต้น 3.การส่งเสริมการประกอบธุรกิจในต่างประเทศ จะมีการจัดคณะเยือนภูมิภาคต่างๆ เช่น อาเซียน เอเชียใต้ บราซิล อาร์เจนตินา โคลัมเบีย เพื่อสร้างเครือข่ายพันธมิตรธุรกิจอย่างต่อเนื่อง 4.การสร้างผู้ประกอบการการค้าระหว่างประเทศสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ เน้นการสร้างนวัตกรรม จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มในอุตสาหกรรมส่งออก และ5. การส่งเสริมอุตสาหกรรมรายคลัสเตอร์ เช่น การยกระดับงานบางกอกเจมส์ให้เป็น 1 ใน 3 งานแฟร์อัญมณีของโลก เป็นต้น

728x90-03-3-503x62-3-503x62 ++หนุนส่งออกบริการคู่สินค้า
“ในปีนี้กรมจะเน้นผลักดันการส่งออกไทยไปสู่ตลาดใหม่ที่มีศักยภาพมากขึ้น โดยเฉพาะในประเทศแถบอาเซียน จีน ญี่ปุ่น อิหร่าน อังกฤษ อินเดีย ตะวัน ออกกลาง ลาตินอเมริกา รัสเซียและแอฟริกา ซึ่งเป็นประเทศที่นายกรัฐมนตรีและรองนายกฯได้เดินทางไปเยือน ควบคู่กับการรักษาตลาดหลักไว้อย่างต่อเนื่อง”

ขณะเดียวกันได้กำหนดยุทธศาสตร์การผลักดันการส่งออกธุรกิจบริการออกเป็น 4 ด้านไม่ว่าจะเป็นการเร่งรัดขยายตลาดธุรกิจบริการเชิงรุก การส่งเสริมการใช้งานวิจัย นวัตกรรม และเทคโนโลยีการให้บริการ การสร้างนักรบบริการ 4.0 และการส่งเสริมการรวมกลุ่มคลัสเตอร์และคลัสเตอร์บริการใหม่ โดยจะมุ่งเน้นธุรกิจบริการที่มีศักยภาพ ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจ Wellness &Medical Services อย่าง สปา โรงพยาบาล คลินิกเฉพาะทาง ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ธุรกิจCreative Economy เช่น ดิจิตอลคอนเทนท์ต่างๆ ธุรกิจ Institutional Services &Trade Supporting Services เช่นบริหารโรงแรม บริหารจัดงาน การศึกษา และธุรกิจTrade Logistics เป็นต้น

ทั้งนี้กรมมองว่าจีดีพีมาจากภาคบริการของประเทศถึง 8.42 ล้านล้านบาท หรือ 58% ที่มีการจ้างงาน

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,336 วันที่ 1 - 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว-9