นิสสันตามรอยเทสลา ผุดธุรกิจใหม่ขายโซลาร์รูฟท็อป

03 ก.พ. 2561 | 09:37 น.
การปรับตัวให้ทันกับสถานการณ์ของธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วเป็นเรื่องสำคัญ และสำหรับนิสสันที่มองว่า อนาคตของยานยนต์ไฟฟ้ากำลังมาแรง ทำให้บริษัทเป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของญี่ปุ่นที่เร่งเดินหน้าเอาจริงเอาจังกับการวิจัยและพัฒนารถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า (อีวี) อย่างเต็มรูปแบบจนมีรถอีวีรุ่นยอดนิยมอย่างนิสสัน “ลีฟ” ออกมาตีตลาดทั่วโลกตั้งแต่ปี 2010 และได้ชื่อว่าเป็นรถอีวีแบบปลั๊ก-อินยอดนิยมที่ทำยอดขายสูงสุดกว่า 200,000 คันในปี 2015

MP27-3336-2C นิสสันมีเป้าหมายก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำระดับโลกด้านยานยนต์ที่ไม่ปล่อยไอเสีย (zero-emission transportation) โครงการที่บริษัทร่วมจับมือกับเรโนลต์ภายใต้ชื่อ “เรโนลต์-นิสสัน อัลลายแอนซ์” มีการร่วมลงทุน 4,000 ล้านยูโร หรือราวๆ 5,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ พัฒนาทั้งรถอีวีและแบตเตอรี่ของรถ เพื่อส่งออกบุกตลาดนานาประเทศทั่วโลก ซึ่งทั้งคู่ก็ช่วยกันผลิตรถยนต์อีวีออกมาแล้วมากกว่า 2.5 แสนคัน ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา “เรโนลต์-นิสสัน อัลลายแอนซ์” ประกาศแผนจะผลิตรถอีวีรุ่นใหม่ๆมาอีก 12 รุ่นภายในปี 2022 หรืออีก 4 ปีข้างหน้า

MP27-3336-1C ไม่เพียงเท่านั้น นิสสันยังเดินตามรอยธุรกิจของ “เทสลา” ผู้นำในตลาดรถอีวีของสหรัฐอเมริกา นั่นคือการบุกตลาดรถอีวี ควบคู่ไปกับตลาดแผงพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งแม้ว่าอย่างหลังจะเป็นธุรกิจใหม่สำหรับนิสสัน แต่บริษัทก็เดินหน้าเต็มตัว โดยมีการจัดตั้งบริษัท นิสสัน เอนเนอร์จี โซลาร์ฯ ขึ้นมาเพื่อดำเนินการในด้านนี้โดยเฉพาะ

728x90-03-3-503x62-3-503x62 ผลิตภัณฑ์หลักๆ ของ “นิสสัน เอนเนอร์จี โซลาร์” คือ แผงโซลาร์เซลล์ สำหรับติดตั้งบนหลังคา (rooftop panels) และแบตเตอรี่สำหรับเก็บไฟฟ้าขนาดใช้ในครัวเรือนภายใต้แบรนด์ “เอ็กซ์สโตเรจโฮม” (xStorage Home) ซึ่งนับเป็นผลิตภัณฑ์ที่ต้องใช้ควบคู่เกี่ยวเนื่องกันเพื่อสอดรับกับนโยบายของบริษัท ที่ต้องการให้นิสสัน เอนเนอร์จี โซลาร์ เป็นผู้เชี่ยวชาญที่ตอบโจทย์ทุกอย่างเกี่ยวกับระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ระดับที่ใช้ในครัวเรือน (ซึ่งเพียงพอสำหรับการชาร์จไฟให้กับรถอีวี “นิสสัน ลีฟ” และรถรุ่น “อี-เอ็นวี200” ที่บริษัทผลิตออกมา) จะเห็นได้ว่านี่คือรูปแบบธุรกิจที่มีความสอดคล้องเกี่ยวเนื่องกันอย่างไร้รอยต่อ ทุกผลิตภัณฑ์และบริการมีความเชื่อมโยงกัน สนนราคาที่ตั้งไว้ก็สามารถแข่งขันได้กับผลิตภัณฑ์ของเทสลาที่เป็นคู่แข่ง โดยระบบโซลาร์รูฟท็อปของนิสสัน (รวมราคาแผงโซลาร์เซลล์และแบตเตอรี่จัดเก็บไฟ) จะเริ่มต้นที่ราคาประมาณ 10,589 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็นเงินไทยราว 3.38 แสนบาท

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,336 วันที่ 1 - 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว-9