อัดงบ 4.5 พันล้านบูมเที่ยวเมืองรอง
รัฐอัดฉีดงบ 4.5 พันล้าน หนุนท่องเที่ยวเมืองรอง เน้นซ่อมสร้างแหล่งท่องเที่ยวไปถึงกระตุ้น ทัวริสต์ไทย-เทศเข้าถึงชุมชนหวังลดความยากจน พร้อมเทงบตรงลงพื้นที่อีกจังหวัดละ 50 ล้านบาทดีเดย์เม.ย.นี้
การจัดทำงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมปี 2561 ภายใต้กรอบวงเงิน 1.5 แสนล้านบาท วงเงินดังกล่าวไม่ตํ่ากว่า 1 แสนล้านบาท ได้ถูกกันไว้เพื่อใช้ในการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจลดความเหลื่อมลํ้า และงบประมาณ 3.5 หมื่นล้านบาท มีการจัดสรรผ่าน 3 หน่วยงาน คือ กระทรวงมหาดไทย กองทุนหมู่บ้านและกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อใช้ในโครงการพัฒนาเชิงพื้นที่ พัฒนาชุมชน การสร้างเครือข่ายและการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน ซึ่งขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำลังเร่งจัดทำแผนเพื่อนำเสนอต่อครม.เพื่อเบิกจ่ายงบประมาณได้ทันในเดือนเมษายน เสร็จสิ้นภายใน 6 เดือน
อย่างไรก็ดีในส่วนของกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้รับวงเงิน 4,500 ล้านบาท จะเน้นไปในโครงการ 6 หมวดหลักคือ 1. การปรับปรุงซ่อมสร้างแหล่งท่องเที่ยว 2.การพัฒนาบุคลากรด้านการท่องเที่ยว 3.เรื่องความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยว 4.โครงการที่จะใช้ยางพารา เพื่อสนับสนุนเรื่องของกีฬา เช่น การปรับปรุงสนามกีฬา 5.ส่งเสริมตลาดกระตุ้นคนไทยและต่างชาติให้เดินทางท่องเที่ยวในชุมชน และ 6.การร่วมมือกับกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม
++นำร่อง 200 โครงการที่พร้อม
นายอนันต์ วงศ์เบญจรัตน์ อธิบดีกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าโครงการต่างๆ จะเน้นเรื่องการพัฒนาใน 55 จังหวัดเมืองรอง เพื่อพัฒนาให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปเที่ยวเมืองรองได้สะดวกมากขึ้น อาทิ ป้ายบอกทาง ห้องนํ้า ทางลาดสำหรับคนพิการ ปรับปรุงแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งด้วยระยะเวลาจำกัดภายใน 6 เดือน จึงต้องพิจารณาโครงการที่มีความพร้อมมากในการพัฒนาจำนวนกว่า 200 โครงการ ที่พัฒนาได้ทันที หรือจะขยายมาทำโครงการที่มีความพร้อมปานกลาง ที่มีอยู่ร่วม 400 กว่าโครงการ ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องนำเสนอแผนมายัง รมต.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาเพื่อหาข้อสรุปในเรื่องนี้เสนอ ครม.พิจารณาในเร็วๆ นี้
[caption id="attachment_119613" align="aligncenter" width="503"]
ยุทธศักดิ์ สุภสร[/caption]
ด้านนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศ ไทย (ททท.) กล่าวว่า การที่จะทำให้ไทยหลุดพ้นกับดักความยากจนในระยะสั้น รัฐบาลก็มองที่จะใช้เรื่องของการท่องเที่ยวเป็นตัวนำ ททท.จึงเสนอของบกลางเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง เบื้องต้นจะขอใช้งบที่กระทรวงได้รับมาใช้ในเมืองรองจังหวัดละ 50 ล้านบาท ครอบคลุม 55 จังหวัด หรือราว 2,750 ล้านบาท
“งบดังกล่าวจะนำมาใช้ในเรื่องการตลาด การสร้างปัจจัยพื้นฐานในการอำนวยความสะดวก ประชาสัมพันธ์ ทำระบบข้อมูลข่าวสาร แก้ปัญหาไกด์ขาดแคลน การนำระบบการจัดเรตติ้งมาใช้เพื่อดูความพร้อมของแหล่งท่องเที่ยวในการเข้าถึง โดย 1 ดาว หมายถึงแหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจ 2 ดาว ถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวโดดเด่น และ 3 ดาว เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ห้ามพลาด เพื่อให้ทันการขายในช่วงสงกรานต์นี้”
++ผนึกแอตต้าลุยตลาดยุโรป
นอกจากนี้ยังเน้นการพัฒนา 3 เส้นทางการขายหลัก ได้แก่ เส้นทางA เมืองหลักเชื่อมโยงเมืองรอง เส้นทาง B ให้ข้อมูลเฉพาะเจาะจงเมืองรองใดเมืองรองหนึ่งเพียงเมืองเดียว อาทิ การโปรโมตนํ้าพุร้อนที่แม่ฮ่องสอน, เส้นทางไดโนเสาร์กาฬสินธุ์ และเส้นทาง C เมืองรองเชื่อมโยงเมืองรอง เพื่อดึงให้เกิดการเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวเมืองรอง เพื่อผลักดันให้บริษัทนำเที่ยวเสนอขาย เพราะสามารถนำมาใช้ลดหย่อนภาษีได้ โดยคาดว่าจะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวไม่น้อยกว่า 10 ล้านคนสู่เมืองรองและแหล่งท่องเที่ยวชุมชน โดยจะปรับสัดส่วนนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและคนต่างชาติในพื้นที่เมืองหลักต่อเมืองรอง จาก 70:30 เป็น 65:35 ในปี 2561 ทั้งกระจายโอกาสในเชิงรายได้จากการท่องเที่ยวให้ลงสู่เศรษฐกิจฐานรากไม่ตํ่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท
สำหรับแผนการทำการตลาดต่างประเทศใน 55 จังหวัดท่องเที่ยวเมืองรอง และการท่องเที่ยวชุมชน จะดูความเหมาะสมของแต่ละตลาด เช่น ตลาดเอเชีย คาดว่า ที่น่าจะผลักดันให้ขายได้ใน 10 เมืองในปีนี้ เช่น การขายในตลาดเกาหลีใต้ ไปเชียงราย หรือบินเชื่อมจากเชียงใหม่ไปเชียงราย เนื่องจากมีเที่ยวบินตรง ส่วนอินเดีย ด้วยความที่รู้จักพัทยา อยู่แล้ว ก็จะผลักดันให้ไปเที่ยวบริเวณเกาะช้าง จ.ตราด เป็นต้น
ส่วนตลาดยุโรป มีแผนจะส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยวชุมชน โดยททท.ได้ร่วมมือกับสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า)และองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) คัดเลือก 33 ชุมชน จากทั้งหมด 700 ชุมชนที่มีอยู่ เพื่อนำมาเสนอขายในตลาดต่างประเทศ เริ่มจากการจัดทัวร์กรุ๊ปเล็กๆ ทั้งแบบวันเดย์ทริป และค้างคืน ขึ้นอยู่กับความพร้อมของพื้นที่ อาทิ ชุมชนบ้านแม่ละนา จ.แม่ฮ่องสอน ชุมชนนํ้าเชี่ยว จ.ตราด ชุมชนบ้านดอนไก่ดี จ.สมุทรสาคร ชุมชนบ้านไร่กองขิง ชุมชนบ้านแม่กำปอง จ.เชียงใหม่ เป็นต้น
ในด้านการกระตุ้นให้คนไทยเที่ยวเมืองรอง ในเร็วๆ นี้ ททท. จะเปิดตัวแคมเปญ “Amazing Thailand Go Local เที่ยวท้องถิ่นไทย ชุมชนเติบใหญ่ เมืองไทยเติบโต” เป็นต้น
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,336 วันที่ 1 - 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561
การจัดทำงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมปี 2561 ภายใต้กรอบวงเงิน 1.5 แสนล้านบาท วงเงินดังกล่าวไม่ตํ่ากว่า 1 แสนล้านบาท ได้ถูกกันไว้เพื่อใช้ในการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจลดความเหลื่อมลํ้า และงบประมาณ 3.5 หมื่นล้านบาท มีการจัดสรรผ่าน 3 หน่วยงาน คือ กระทรวงมหาดไทย กองทุนหมู่บ้านและกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อใช้ในโครงการพัฒนาเชิงพื้นที่ พัฒนาชุมชน การสร้างเครือข่ายและการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน ซึ่งขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำลังเร่งจัดทำแผนเพื่อนำเสนอต่อครม.เพื่อเบิกจ่ายงบประมาณได้ทันในเดือนเมษายน เสร็จสิ้นภายใน 6 เดือน
อย่างไรก็ดีในส่วนของกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้รับวงเงิน 4,500 ล้านบาท จะเน้นไปในโครงการ 6 หมวดหลักคือ 1. การปรับปรุงซ่อมสร้างแหล่งท่องเที่ยว 2.การพัฒนาบุคลากรด้านการท่องเที่ยว 3.เรื่องความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยว 4.โครงการที่จะใช้ยางพารา เพื่อสนับสนุนเรื่องของกีฬา เช่น การปรับปรุงสนามกีฬา 5.ส่งเสริมตลาดกระตุ้นคนไทยและต่างชาติให้เดินทางท่องเที่ยวในชุมชน และ 6.การร่วมมือกับกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม
++นำร่อง 200 โครงการที่พร้อม
นายอนันต์ วงศ์เบญจรัตน์ อธิบดีกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าโครงการต่างๆ จะเน้นเรื่องการพัฒนาใน 55 จังหวัดเมืองรอง เพื่อพัฒนาให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปเที่ยวเมืองรองได้สะดวกมากขึ้น อาทิ ป้ายบอกทาง ห้องนํ้า ทางลาดสำหรับคนพิการ ปรับปรุงแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งด้วยระยะเวลาจำกัดภายใน 6 เดือน จึงต้องพิจารณาโครงการที่มีความพร้อมมากในการพัฒนาจำนวนกว่า 200 โครงการ ที่พัฒนาได้ทันที หรือจะขยายมาทำโครงการที่มีความพร้อมปานกลาง ที่มีอยู่ร่วม 400 กว่าโครงการ ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องนำเสนอแผนมายัง รมต.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาเพื่อหาข้อสรุปในเรื่องนี้เสนอ ครม.พิจารณาในเร็วๆ นี้
[caption id="attachment_119613" align="aligncenter" width="503"]
ด้านนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศ ไทย (ททท.) กล่าวว่า การที่จะทำให้ไทยหลุดพ้นกับดักความยากจนในระยะสั้น รัฐบาลก็มองที่จะใช้เรื่องของการท่องเที่ยวเป็นตัวนำ ททท.จึงเสนอของบกลางเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง เบื้องต้นจะขอใช้งบที่กระทรวงได้รับมาใช้ในเมืองรองจังหวัดละ 50 ล้านบาท ครอบคลุม 55 จังหวัด หรือราว 2,750 ล้านบาท
“งบดังกล่าวจะนำมาใช้ในเรื่องการตลาด การสร้างปัจจัยพื้นฐานในการอำนวยความสะดวก ประชาสัมพันธ์ ทำระบบข้อมูลข่าวสาร แก้ปัญหาไกด์ขาดแคลน การนำระบบการจัดเรตติ้งมาใช้เพื่อดูความพร้อมของแหล่งท่องเที่ยวในการเข้าถึง โดย 1 ดาว หมายถึงแหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจ 2 ดาว ถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวโดดเด่น และ 3 ดาว เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ห้ามพลาด เพื่อให้ทันการขายในช่วงสงกรานต์นี้”
นอกจากนี้ยังเน้นการพัฒนา 3 เส้นทางการขายหลัก ได้แก่ เส้นทางA เมืองหลักเชื่อมโยงเมืองรอง เส้นทาง B ให้ข้อมูลเฉพาะเจาะจงเมืองรองใดเมืองรองหนึ่งเพียงเมืองเดียว อาทิ การโปรโมตนํ้าพุร้อนที่แม่ฮ่องสอน, เส้นทางไดโนเสาร์กาฬสินธุ์ และเส้นทาง C เมืองรองเชื่อมโยงเมืองรอง เพื่อดึงให้เกิดการเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวเมืองรอง เพื่อผลักดันให้บริษัทนำเที่ยวเสนอขาย เพราะสามารถนำมาใช้ลดหย่อนภาษีได้ โดยคาดว่าจะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวไม่น้อยกว่า 10 ล้านคนสู่เมืองรองและแหล่งท่องเที่ยวชุมชน โดยจะปรับสัดส่วนนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและคนต่างชาติในพื้นที่เมืองหลักต่อเมืองรอง จาก 70:30 เป็น 65:35 ในปี 2561 ทั้งกระจายโอกาสในเชิงรายได้จากการท่องเที่ยวให้ลงสู่เศรษฐกิจฐานรากไม่ตํ่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท
สำหรับแผนการทำการตลาดต่างประเทศใน 55 จังหวัดท่องเที่ยวเมืองรอง และการท่องเที่ยวชุมชน จะดูความเหมาะสมของแต่ละตลาด เช่น ตลาดเอเชีย คาดว่า ที่น่าจะผลักดันให้ขายได้ใน 10 เมืองในปีนี้ เช่น การขายในตลาดเกาหลีใต้ ไปเชียงราย หรือบินเชื่อมจากเชียงใหม่ไปเชียงราย เนื่องจากมีเที่ยวบินตรง ส่วนอินเดีย ด้วยความที่รู้จักพัทยา อยู่แล้ว ก็จะผลักดันให้ไปเที่ยวบริเวณเกาะช้าง จ.ตราด เป็นต้น
ส่วนตลาดยุโรป มีแผนจะส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยวชุมชน โดยททท.ได้ร่วมมือกับสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า)และองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) คัดเลือก 33 ชุมชน จากทั้งหมด 700 ชุมชนที่มีอยู่ เพื่อนำมาเสนอขายในตลาดต่างประเทศ เริ่มจากการจัดทัวร์กรุ๊ปเล็กๆ ทั้งแบบวันเดย์ทริป และค้างคืน ขึ้นอยู่กับความพร้อมของพื้นที่ อาทิ ชุมชนบ้านแม่ละนา จ.แม่ฮ่องสอน ชุมชนนํ้าเชี่ยว จ.ตราด ชุมชนบ้านดอนไก่ดี จ.สมุทรสาคร ชุมชนบ้านไร่กองขิง ชุมชนบ้านแม่กำปอง จ.เชียงใหม่ เป็นต้น
ในด้านการกระตุ้นให้คนไทยเที่ยวเมืองรอง ในเร็วๆ นี้ ททท. จะเปิดตัวแคมเปญ “Amazing Thailand Go Local เที่ยวท้องถิ่นไทย ชุมชนเติบใหญ่ เมืองไทยเติบโต” เป็นต้น
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,336 วันที่ 1 - 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561
