เลี่ยงหุ้นส่งออกหนีบาทแข็ง
นักวิเคราะห์แนะเลี่ยงหุ้นส่งออกหนีพิษบาทแข็ง เข้ากลุ่มพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ประเมินกลุ่มเอสเอ็มอีอ่วมหนัก
นายชยนนท์ รักกาญจนันท์กรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุนอินฟินิติกล่าวว่า นักลงทุนควรย้ายกลุ่ม Out Perform โดยหุ้นในกลุ่มส่งออก ที่ได้รับผลกระทบเต็มๆ จากเงินดอลลาร์อ่อนค่า เห็นได้จากดัชนีที่ 1,600 จุด ซึ่งปรับเพิ่มเป็น 1,800 จุดนั้นปรากฏว่ามีหุ้นไม่ถึง 100 บริษัทที่ไม่ได้ประโยชน์จากดอลลาร์อ่อน เพราะนักลงทุนจะเลือกซื้อเฉพาะหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์เช่น หุ้นพลังงาน
นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า เงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า หุ้นที่ได้ประโยชน์คือ ผู้นำเข้าสินค้าโภคภัณฑ์ ในกลุ่มพลังงาน กลุ่มสื่อสาร ขณะที่การบริโภคภายในน่าจะฟื้นตัวแข็งแกร่งบวกกับกลุ่มแบงก์ และค้าปลีกขนาดใหญ่
[caption id="attachment_118065" align="aligncenter" width="416"]
จิติพล พฤกษาเมธานันท์[/caption]
ในทางตรงกันข้ามกลุ่มที่ไม่ได้ประโยชน์จะเป็นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และกลุ่มการท่องเที่ยว ต้องปรับตัวค่อนข้างมาก
นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โกลเบล็กจำกัด กล่าวว่า ค่าเงินบาทในขณะนี้ แข็งค่าสูงสุดในรอบ 4 ปีสวนทางกับดอลลาร์สหรัฐฯ ที่อ่อนค่าขึ้น ส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของไทย จากราคาสินค้าส่งออกที่ขายแพงขึ้น แต่เป็นการแข็งค่าของสกุลเงินทั้งภูมิภาคไปในทางเดียวกัน จึงต้องมอนิเตอร์ว่าเทียบแล้วจะส่งผลต่อภาคส่งออกไทยปีนี้อย่างไร
“เงินบาทที่แข็งค่าในเดือนมกราคม ยังเป็นแค่ฐานในช่วงแรก ผลกระทบต่อกลุ่มหุ้นส่งออกจึงยังไม่ชัด อีกทั้งผู้ประกอบการรายใหญ่ๆ เตรียมการมาล่วงหน้าซื้อฟอร์เวิร์ดบริหารความเสี่ยงครอบคลุมมาตั้งแต่ไตรมาส4/2560 ที่บาทแข็งค่า ที่น่าห่วงจะเป็นกลุ่มขนาดกลางและเล็กหรือเอสเอ็มอีมากกว่า”
นายชานนท์ บุญนุช หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ฯ กล่าวว่า เงินบาทขณะนี้ยังไม่ได้แข็งค่าไปกว่าภูมิภาค การส่งออกและท่องเที่ยวไทยยังแข่งขันไปได้ดี ที่สำคัญกว่าคือเศรษฐกิจโลกและสหรัฐฯปีนี้มีแนวโน้มเติบโตดีมาก ทำให้ดีมานด์สินค้าโลกยังขยายตัวสูง
ตัวอย่างหนึ่งที่เห็นชัดก็คือส่งออกปี 2560 ที่เติบโตถึง9.9% สูงสุดในรอบ 6 ปี (นับจากปี 2554 ที่เติบโต 15.1%) ทั้งๆที่เงินบาทแข็งค่ามาก (ปี 2559-2560เงินบาทแข็งค่าราว 12%) แต่เพราะเศรษฐกิจโลกเติบโตความต้องการสินค้ามีมากไทยจึงขายสินค้าได้มาก เทียบกับปี 2559 ที่บาทอ่อนเฉลี่ยทั้งปีที่ 35.83 บาทแต่ส่งออกขยายเพียง 0.5%
บล.ทิสโก้ฯ คาดว่าส่งออกและท่องเที่ยวไทยปี 2561 ยังเติบโตที่ 7% และ 8% ตามลำดับบนสมมติฐานต้นปีว่าค่าเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯปีนี้จะเฉลี่ยที่ 32 บาท
[caption id="attachment_225479" align="aligncenter" width="418"]
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร[/caption]
นายไพบูลย์ นลินทรางกูรนายกสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุนและประธานเจ้าหน้าที่บริหารบล.ทิสโก้ จก.กล่าวว่า เงินต่างชาติเวลานี้ยังไม่ได้ไหลเข้าตลาดหุ้นโดยรอดูผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ดังนั้นดัชนีหุ้นไทยที่ทะลุ 1,800 จุด บางสำนักคาดไปถึง 1,900 จุดหรือเพิ่มอีกไม่ถึง 5% ราคาจะแพงขึ้นกว่าเดิม แต่ยังมีโอกาสทำกำไรโดยเลือกลงทุนเป็นรายตัวแทนที่จะมองภาพใหญ่ของดัชนี
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,335 วันที่ 28 - 31 มกราคม พ.ศ. 2561
นายชยนนท์ รักกาญจนันท์กรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุนอินฟินิติกล่าวว่า นักลงทุนควรย้ายกลุ่ม Out Perform โดยหุ้นในกลุ่มส่งออก ที่ได้รับผลกระทบเต็มๆ จากเงินดอลลาร์อ่อนค่า เห็นได้จากดัชนีที่ 1,600 จุด ซึ่งปรับเพิ่มเป็น 1,800 จุดนั้นปรากฏว่ามีหุ้นไม่ถึง 100 บริษัทที่ไม่ได้ประโยชน์จากดอลลาร์อ่อน เพราะนักลงทุนจะเลือกซื้อเฉพาะหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์เช่น หุ้นพลังงาน
นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า เงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า หุ้นที่ได้ประโยชน์คือ ผู้นำเข้าสินค้าโภคภัณฑ์ ในกลุ่มพลังงาน กลุ่มสื่อสาร ขณะที่การบริโภคภายในน่าจะฟื้นตัวแข็งแกร่งบวกกับกลุ่มแบงก์ และค้าปลีกขนาดใหญ่
[caption id="attachment_118065" align="aligncenter" width="416"]
ในทางตรงกันข้ามกลุ่มที่ไม่ได้ประโยชน์จะเป็นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และกลุ่มการท่องเที่ยว ต้องปรับตัวค่อนข้างมาก
นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โกลเบล็กจำกัด กล่าวว่า ค่าเงินบาทในขณะนี้ แข็งค่าสูงสุดในรอบ 4 ปีสวนทางกับดอลลาร์สหรัฐฯ ที่อ่อนค่าขึ้น ส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของไทย จากราคาสินค้าส่งออกที่ขายแพงขึ้น แต่เป็นการแข็งค่าของสกุลเงินทั้งภูมิภาคไปในทางเดียวกัน จึงต้องมอนิเตอร์ว่าเทียบแล้วจะส่งผลต่อภาคส่งออกไทยปีนี้อย่างไร
นายชานนท์ บุญนุช หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ฯ กล่าวว่า เงินบาทขณะนี้ยังไม่ได้แข็งค่าไปกว่าภูมิภาค การส่งออกและท่องเที่ยวไทยยังแข่งขันไปได้ดี ที่สำคัญกว่าคือเศรษฐกิจโลกและสหรัฐฯปีนี้มีแนวโน้มเติบโตดีมาก ทำให้ดีมานด์สินค้าโลกยังขยายตัวสูง
ตัวอย่างหนึ่งที่เห็นชัดก็คือส่งออกปี 2560 ที่เติบโตถึง9.9% สูงสุดในรอบ 6 ปี (นับจากปี 2554 ที่เติบโต 15.1%) ทั้งๆที่เงินบาทแข็งค่ามาก (ปี 2559-2560เงินบาทแข็งค่าราว 12%) แต่เพราะเศรษฐกิจโลกเติบโตความต้องการสินค้ามีมากไทยจึงขายสินค้าได้มาก เทียบกับปี 2559 ที่บาทอ่อนเฉลี่ยทั้งปีที่ 35.83 บาทแต่ส่งออกขยายเพียง 0.5%
บล.ทิสโก้ฯ คาดว่าส่งออกและท่องเที่ยวไทยปี 2561 ยังเติบโตที่ 7% และ 8% ตามลำดับบนสมมติฐานต้นปีว่าค่าเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯปีนี้จะเฉลี่ยที่ 32 บาท
[caption id="attachment_225479" align="aligncenter" width="418"]
นายไพบูลย์ นลินทรางกูรนายกสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุนและประธานเจ้าหน้าที่บริหารบล.ทิสโก้ จก.กล่าวว่า เงินต่างชาติเวลานี้ยังไม่ได้ไหลเข้าตลาดหุ้นโดยรอดูผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ดังนั้นดัชนีหุ้นไทยที่ทะลุ 1,800 จุด บางสำนักคาดไปถึง 1,900 จุดหรือเพิ่มอีกไม่ถึง 5% ราคาจะแพงขึ้นกว่าเดิม แต่ยังมีโอกาสทำกำไรโดยเลือกลงทุนเป็นรายตัวแทนที่จะมองภาพใหญ่ของดัชนี
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,335 วันที่ 28 - 31 มกราคม พ.ศ. 2561
