แข่งเงินฝากรับสินเชื่อโต

26 ม.ค. 2561 | 08:34 น.
เงินฝากปีจอคาดโต 5-8% แข่งเดือดกลางปี หลังเศรษฐกิจดี-รัฐเร่งลงทุน สินเชื่อเริ่มขยับ “ธนชาต” เผยเห็นสัญญาณแบงก์ในระบบเร่งระดมเงินฝากล็อก 10-15 เดือน ดันดอกเบี้ยขยับ 0.25-0.50%

นายคมชลัช พิถีพรหม ผู้อำนวยการอาวุโส พัฒนาผลิตภัณฑ์เงินฝากและผลิตภัณฑ์หน่วยลงทุน ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าทิศทางเงินฝากปีนี้ จะเริ่มเห็นการแข่งขันรุนแรงในช่วงไตรมาสที่ 2 และ 3 เนื่องจากการเติบโตของเศรษฐกิจและสินเชื่อมีภาพชัดเจนขึ้น ทั้งระบบคาดว่าจะขยาย 5-8% ซึ่งจะเริ่มเห็นธนาคารล็อกเงินฝากเร็วขึ้น หากเป็นธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ จะล็อกเงินฝากประจำ ส่วนธนาคารพาณิชย์ขนาดกลางและเล็ก จะเป็นเงินฝากประจำและออมทรัพย์พิเศษ เฉลี่ยระยะเวลา 10-15 เดือน

ทิศทางอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก จะขึ้นลงตามสภาพของการแข่งขันและภาวะของตลาด หากเศรษฐกิจเติบโต สินเชื่อขยายตัวสูง ความต้องการเงินฝากจะสูงตาม ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยปรับสูงตาม ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยเงินฝากเฉลี่ย 3 เดือน จะอยู่ที่ 1.25% คาดปรับขึ้นอย่างน้อยเฉลี่ย 0.25-0.50% ส่วนของธนชาต อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยจะสูงกว่าระบบเล็กน้อยที่ 1.55% ระยะเวลาฝาก 5-10 เดือน

728x90-03-3-503x62-3-503x62 เป้าหมายเงินฝากในปีนี้ ธนาคารยังคงเน้นขยายฐานเงินฝากในกลุ่มลูกค้ารายเล็กและรายกลาง เนื่องจากธนาคารมีผลิตภัณฑ์ที่กำลังทำตลาดอยู่ เป็นเงินฝากออมทรัพย์ฟีเวอร์ และเงินฝากออมทรัพย์พิเศษ โดยลูกค้าต้องมีเงินฝากขั้นตํ่าตั้งแต่ 1 แสนบาทขึ้นไป คาดจะมีลูกค้ารายใหม่เข้ามาเปิดบัญชีจำนวน 6-6.5 แสนบัญชี คิดเป็นการเติบโต 4-8% จากปีก่อน ส่วนมูลค่าเงินฝากคาดว่าจะเติบโตสอดคล้องกับตลาดอยู่ที่ 5-8% จากปีก่อนเงินฝากขยายตัวอยู่ที่ 3-4 หมื่นล้านบาท

นางสาวธัญญลักษณ์ วัชระชัยสุรพล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ช่วงครึ่งปีแรกยังไม่เห็นการแข่งขันที่รุนแรงมากนัก เพราะทิศทางสินเชื่อยังไม่ได้ขยายตัวรวดเร็ว อย่างไรก็ตามหากดูทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (RP) แม้แนวโน้มยังไม่ได้ปรับขึ้น แต่เริ่มเห็นสัญญาณตราสารหนี้ที่ผูกกับดอกเบี้ยธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ขยับขึ้นบ้าง คาดว่ากลางปีจะเริ่มเห็นการระดมเงินฝากรุนแรงขึ้น ภายหลังจากธนาคารเริ่มเห็นสัญญาณการลงทุนของภาครัฐ และภาคธุรกิจมีความต้องการเงินลงทุน

[caption id="attachment_176296" align="aligncenter" width="503"] นริศ สถาผลเดชา ผู้อำนวยการอาวุโส ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) นริศ สถาผลเดชา ผู้อำนวยการอาวุโส ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน)[/caption]

นายนริศ สถาผลเดชา เจ้าหน้าที่บริหาร ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี กล่าวว่าหลายคนประเมินว่าการแข่งขันเงินฝากจะเริ่มกลับมา เช่นเดียวกับการปล่อยสินเชื่อ โดยเงินฝากทั้งระบบปี 2560 ขยายตัว 3-4% เป็นยอดคงค้าง 12.9 ล้านล้านบาท แต่ในปี 2561 จากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ดีขึ้น บริษัทขนาดใหญ่เริ่มลงทุน ทำให้มีความต้องการเงินกู้ ส่งผลให้เกิดการแข่งขันเงินฝาก

เงินฝากทั้งระบบปีนี้คาดอยู่ที่ 13.6 ล้านล้านบาท เติบโต 5.9% สอดคล้องกับภาพรวมสินเชื่อที่คาดว่าจะขยายตัวอยู่ที่ 13.1 ล้านล้านบาท หรือโต 5.7% ส่วนผลิตภัณฑ์เงินฝากที่จะเห็นในปี 2561 จะเป็นเกมการแข่งขันประเภทเงินฝากประจำ และแคมเปญเงินฝากพิเศษมากขึ้น อาจจะระดมผ่านเงินฝากประจำระยะสั้น 9-12 เดือน

“ปีนี้ไทยอาจจะต้องเผชิญสภาพคล่องตึงตัว จากนโยบายการลดการซื้อพันธบัตร หรือมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) หรือการหยุดการพิมพ์เงินเข้าระบบ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ส่งสัญญาณการลดงบดุล ขณะที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น และธนาคารกลางยุโรป ลดมาตรการ QE พร้อมกัน ซึ่งจะกระทบต่อสภาพคล่องเงินบาทด้วย โดยการระดมทุนบาทเป็นดอลลาร์จะแพงขึ้นด้วย หากญี่ปุ่นประกาศลดสภาพคล่องชะลอการซื้อคิวอีด้วย จะกระทบต่อการกู้ดอลลาร์ของแบงก์พาณิชย์ไทย”

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,334 วันที่ 25 - 27 มกราคม พ.ศ. 2561
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว-9-11-503x62