Play
‘แพนดอร่า’ชู e-STORE ดันค้าอัญมณีออนไลน์คึก
Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่
“แพนดอร่า” มั่นใจตลาดเครื่องประดับอัญมณีไทยสดใส ชูดิจิตอล มาร์เก็ตติ้งเจาะฐานลูกค้า พร้อมเพิ่มช่องทางขาย e-STORE วางเป้าหมายปี 2561-2565 เติบโต 7-10% ต่อปี หลังโกย รายได้ทะลุ 1.14 แสนล้านบาท
นายนีลส์ เฮแลนเดอร์ รองประธานอาวุโสสายงานการผลิตและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แพนดอร่า โพรดักชั่น จำกัด เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงทิศทางตลาดอัญมณีในเมืองไทยว่ายังสดใส โดยไทยถือเป็นฐานการผลิตเพียงประเทศเดียวของแพนดอร่า ซึ่งในปีที่ผ่านมามีรายได้รวมกว่า 1.14 แสนล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 15% โดยในปี 2561-2565 บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะมีการเติบโต 7-10% ต่อปี โดยบริษัทมุ่งเน้นการเจาะเข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มผู้หญิงเป็นหลัก
[caption id="attachment_253232" align="aligncenter" width="334"]
นีลส์ เฮแลนเดอร์[/caption]
โดยกลยุทธ์การทำตลาด ประกอบไปด้วย การนำเสนอเครื่อง ประดับรูปแบบใหม่ๆ ทั้งจี้ สร้อยข้อมือ พร้อมกับขยายกลุ่มสินค้าประเภทแหวน ตุ้มหู สร้อยคอและจี้ห้อยคอให้มีรายได้เพิ่ม เป็น 50% จากปัจจุบันที่มีสัดส่วน 25% ภายในปี 2565 โดยจะนำเสนอคอลเลกชันใหม่ออกสู่ตลาด 10 คอลเลกชันต่อปี จากเดิมที่มี 7 คอลเลกชันต่อปี รวมทั้งใช้กลยุทธ์ “ดิจิตอล มาร์เก็ตติ้ง” (Digital Marketing) เพื่อสร้างประสบการณ์ของแบรนด์ในโลกดิจิตอล พร้อมเพิ่มงบการตลาดในสื่อออนไลน์เป็น 60% จากเดิมที่มีสัดส่วน 30% และใช้งบการตลาดทั่วโลกราว 8% ของรายได้ในปี 2565
นอกจากนี้บริษัทยังวางแผนบูรณาการทุกช่องทางการขายทั่วโลก โดยเน้นเชื่อมโยงช่องทางร้านขายปลีกและ e-commerce อย่างเต็มรูปแบบ ตั้งเป้าเปิดร้านเพิ่ม 200 ร้านต่อปี โดยเป็นร้านที่แพนดอร่าเป็นเจ้าของและบริหารเองคิดเป็นสัดส่วน 2 ใน 3 ของร้านขายปลีกทั้งหมด รวมทั้งบุกช่องทางการขายออนไลน์ (e-STORE) และเพิ่มสัดส่วนยอดขายผ่านร้านค้าออนไลน์เป็น 10-15% ของรายได้รวม
อย่างไรก็ดีในปีที่ผ่านมาบริษัทเปิดศูนย์นวัตกรรม (THE INNOVATION CENTRE) ซึ่งเป็นศูนย์นวัตกรรมเครื่องประดับอัญมณีที่ใหญ่ที่สุดในโลกในกรุงเทพฯ และยังเปิดตัวโรงงานแห่งที่ 2 ที่จังหวัดลำพูนในเดือนมีนาคม เพื่อขยายกำลังการผลิตและเพิ่มประสิทธิภาพ ความรวดเร็ว และในเดือนมีนาคมนี้ บริษัทยังมีแผนเปิดตัวอาคารใหม่ TRIPLE A ที่นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี กรุงเทพฯ เพื่อขยายกำลังการผลิตให้ได้ 200 ล้านชิ้นต่อปีภายใน 5 ปี
ปัจจุบันแพนดอร่า มีวางจำหน่ายกว่า 100 ประเทศใน 6 ทวีป มีจุดจำหน่ายกว่า 7,700 จุด และคอนเซ็ปต์สโตร์กว่า 2,300 ร้าน โดยไทยถือเป็นฐานผลิตเพียงแห่งเดียวในโลก และมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศเดนมาร์ก มีพนักงานกว่า 2.38 หมื่นคน
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,334 วันที่ 25 - 27 มกราคม พ.ศ. 2561
นายนีลส์ เฮแลนเดอร์ รองประธานอาวุโสสายงานการผลิตและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แพนดอร่า โพรดักชั่น จำกัด เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงทิศทางตลาดอัญมณีในเมืองไทยว่ายังสดใส โดยไทยถือเป็นฐานการผลิตเพียงประเทศเดียวของแพนดอร่า ซึ่งในปีที่ผ่านมามีรายได้รวมกว่า 1.14 แสนล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 15% โดยในปี 2561-2565 บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะมีการเติบโต 7-10% ต่อปี โดยบริษัทมุ่งเน้นการเจาะเข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มผู้หญิงเป็นหลัก
[caption id="attachment_253232" align="aligncenter" width="334"]
โดยกลยุทธ์การทำตลาด ประกอบไปด้วย การนำเสนอเครื่อง ประดับรูปแบบใหม่ๆ ทั้งจี้ สร้อยข้อมือ พร้อมกับขยายกลุ่มสินค้าประเภทแหวน ตุ้มหู สร้อยคอและจี้ห้อยคอให้มีรายได้เพิ่ม เป็น 50% จากปัจจุบันที่มีสัดส่วน 25% ภายในปี 2565 โดยจะนำเสนอคอลเลกชันใหม่ออกสู่ตลาด 10 คอลเลกชันต่อปี จากเดิมที่มี 7 คอลเลกชันต่อปี รวมทั้งใช้กลยุทธ์ “ดิจิตอล มาร์เก็ตติ้ง” (Digital Marketing) เพื่อสร้างประสบการณ์ของแบรนด์ในโลกดิจิตอล พร้อมเพิ่มงบการตลาดในสื่อออนไลน์เป็น 60% จากเดิมที่มีสัดส่วน 30% และใช้งบการตลาดทั่วโลกราว 8% ของรายได้ในปี 2565
นอกจากนี้บริษัทยังวางแผนบูรณาการทุกช่องทางการขายทั่วโลก โดยเน้นเชื่อมโยงช่องทางร้านขายปลีกและ e-commerce อย่างเต็มรูปแบบ ตั้งเป้าเปิดร้านเพิ่ม 200 ร้านต่อปี โดยเป็นร้านที่แพนดอร่าเป็นเจ้าของและบริหารเองคิดเป็นสัดส่วน 2 ใน 3 ของร้านขายปลีกทั้งหมด รวมทั้งบุกช่องทางการขายออนไลน์ (e-STORE) และเพิ่มสัดส่วนยอดขายผ่านร้านค้าออนไลน์เป็น 10-15% ของรายได้รวม
ปัจจุบันแพนดอร่า มีวางจำหน่ายกว่า 100 ประเทศใน 6 ทวีป มีจุดจำหน่ายกว่า 7,700 จุด และคอนเซ็ปต์สโตร์กว่า 2,300 ร้าน โดยไทยถือเป็นฐานผลิตเพียงแห่งเดียวในโลก และมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศเดนมาร์ก มีพนักงานกว่า 2.38 หมื่นคน
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,334 วันที่ 25 - 27 มกราคม พ.ศ. 2561
