MTL โชว์ผลงานปี 60 เบี้ยรับรวมทะลุแสนล้าน ชูกลยุทธ์ “Customer @ the heart”

24 ม.ค. 2561 | 08:58 น.
เมืองไทยประกันชีวิต โชว์ผลงานปี 60 กวาดเบี้ยรับรวมทะลุ 1 แสนล้านบาท เป็น 1 ใน 2 บริษัทประกันชีวิตที่ทำได้ พร้อมประกาศกลยุทธ์ “Customer @ the heart” เข้าถึงความต้องการลูกค้าในยุคที่โลกเปลี่ยนแปลง ระบุตั้งเป้าปี 61 วิ่งโตตามระบบอุตสาหกรรม

[caption id="attachment_253000" align="aligncenter" width="336"] นายสาระ ล่ำซำ นายสาระ ล่ำซำ[/caption]

นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ MTL เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจประกันชีวิตในปี 2561 มองว่ายังเป็นปีแห่งความท้าทาย เพราะการดำเนินธุรกิจจะอยู่บนยุคที่โลกมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โดยก้าวสู่ความเป็นดิจิตอลมากขึ้น ทำให้พฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคมีความเฉพาะเจาะจง ดังนั้น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการบนโลกยุคใหม่อย่างตรงจุด และสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน จึงได้กำหนดกลยุทธ์หลักในการดำเนินธุรกิจที่มุ่งเน้นการเข้าไปอยู่ในใจลูกค้า ภายใต้ นโนบาย “Customer @ the heart” พร้อมเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการ และนวัตกรรมเพื่อมาตอบโจทย์แบบ Outside in ซึ่งจะเข้าถึงความต้องการที่แท้จริงของลูกค้าได้เป็นอย่างดี

ภายใต้กลยุทธ์ดังกล่าว บริษัทตั้งเป้าการเติบโตธุรกิจในปี 2561 จะต้องไม่ต่ำกว่าในปี 2560 ที่มีผลการดำเนินงานเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยมีเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 102,681 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 6% จากปี 2559 เป็นเบี้ยประกันภัยรับใหม่ 31,066 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยปีต่อไป 71,615 ล้านบาทซึ่งถือเป็น 1 ใน 2 บริษัทประกันชีวิตที่มีเบี้ยรับรวมไต่ระดับขึ้นทะลุ 1 แสนล้านบาท แม้ว่าบริษัทจะอยู่ในอันดับที่ 2 ในแง่เบี้ยรับรวม แต่มีอัตราการเติบโตสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด เช่นเดียวกับในปี 2561 บริษัทยังคงตั้งเป้าเติบโตไม่ต่ำกว่าอุตสาหรรม เนื่องจากบริษัทมีขนาดธุรกิจขนาดใหญ่จึงตั้งเป้าเติบโตไม่ต่างจากระบบ โดยปัจจุบันบริษัทมีขนาดสินทรัพย์อยู่ที่กว่า 4 แสนล้านบาท และมีความพอเพียงของเงินกองทุน (CAR Ratio) กว่า 400% ส่วนกำไรในปี 2559 อยู่ที่กว่า 8,300 ล้านบาท คาดว่าในปี 2560 จะเติบโตมากกว่าปี 2559 และคาดว่าในปี 2561 จะเติบโตมากกว่าปี 2560

728x90-03-3-503x62-3-503x62 สำหรับนโยบาย “Customer @ the heart” ถูกแบ่งออกเป็น 5 ด้าน ประกอบด้วย 1.Segment of one ซึ่งจะมุ่งเน้นการคิดค้นพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ สู่ลูกค้าในรูปแบบที่เป็น One to One ซึ่งจะเหมาะกับลูกค้าเฉพาะบุคคลมากยิ่งขึ้น  2.Health focus คือการเดินหน้าสู่การเป็นผู้นำด้านการดูแลสุขภาพที่ตอบโจทย์ได้อย่างครบวงจรในทุกไลฟ์สไตล์ 3.Digital insurer จะมีการพัฒนา Platform และเครื่องมือเพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำในการให้บริการด้วยเครื่องมือที่ทันสมัยและทัน 4. Regional company ยังคงให้ความสำคัญกับการขยายตลาดไปสู่ประเทศ  และ 5.Touch Points ซึ่งเป็นจุดในการสัมพันธ์กับลูกค้าเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นช่องทางการขายหลักๆ เช่น ช่องทาง Face to Face, Digital, สาขา, Visual เป็นต้น

“ในปี 2560 เป็นปีที่ท้าทายมากในธุรกิจประกันชีวิต เพราะมีหลายแฟคเตอร์ที่เป็นทั้งโอกาส และการ Disruption แต่หากมาดูผลงานเราทำได้ค่อนข้างดี เพราะเราเป็น 1 ใน 2 ของบริษัทประกันที่มีเบี้ยประกันทะลุแสนล้านบาท และทำได้ดีในหลายมิติ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพของทีมงานที่มีคุณภาพ ระบบการบริหารจัดการที่ดี รวมถึงการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างตรงจุดได้เป็นอย่างดีซึ่งในปี 2561 นี้ถือเป็นปีแห่งการยกระดับในทุกมิติของเมืองไทยประกันชีวิต เพื่อสร้างสรรค์และตอบโจทย์ในสิ่งที่ลูกค้าต้องการอย่างตรงจุด และเชื่อมั่นว่าจะได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดีดังเช่นที่ผ่านมา”

ด้านนายเกศพงษ์ นาทะสิริ รองกรรมการผู้จัดการ กล่าวเสริมว่า สำหรับในส่วนของผลกระทบจากแนวโน้มที่ธนาคารพาณิชย์ในระบบทยอยลดสาขาลงนั้น ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อบริษัทจำนวนหนึ่ง ดังนั้น บริษัทจึงต้องเพิ่มช่องทางต่างๆ เพื่อเข้ามาทดแทนในส่วนนั้น โดยมุ่งเน้นส่วนของช่องทางดิจิตอลมากยิ่งขึ้น

ล่าสุด เพื่อตอบโจทย์ความต้องการบนโลกยุคดิจิทัล บริษัท เมืองไทย โบรกเกอร์ จำกัด ยังได้เปิดตัวบริการซื้อขายประกันแบบออนไลน์ ภายใต้ชื่อ “Gettgo” ขึ้น  ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่จะช่วยทำให้เรื่องของการซื้อประกันเป็นเรื่องที่ง่าย สะดวก รวดเร็ว คุ้มค่า ประหยัด โดยสามารถค้นหา เปรียบเทียบ จนทำให้สามารถเลือกแบบประกันที่เหมาะสมกับความต้องการของตนเองได้มากที่สุด  ด้วยวิธีง่ายๆ เพียงแค่เข้าเว็บไซต์ www.gettgo.com e-book