โบรกฯลุ้นหุ้น 2,000 ศก.ฟื้น-ทุนนอกดัน

24 ม.ค. 2561 | 09:25 น.
กูรูตลาดหุ้นฟันธง ดัชนีมีโอกาสแตะ 2,000 จุดในปีนี้ แต่ยังต้องลุ้น แม้เศรษฐกิจจะดี แต่เร็วเกินไป ลุ้นผลประกอบการบริษัทในตลาดหุ้นเป็นไปตามคาดหรือไม่

การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ร้อนแรงทำลายสถิติต่อเนื่อง ทั้งดัชนีและมูลค่าการซื้อขาย หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจและสื่อในเครือสปริงนิวส์กรุ๊ป จึงได้เสวนาโต๊ะกลมเรื่อง “หุ้นไทยไป 2,000 จุดและส่องหุ้นเด็ดในปี 61” เพื่อจับทิศทางการลงทุนในปี 2561ว่า หุ้นไทยมีโอกาสจะไปถึง 2,000 จุดหรือไม่

นายเผดิมภพ สงเคราะห์ กรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการเงินทุนบุคคล บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสที่จะไปถึง 2,000 จุดในปีนี้ แต่ไม่ได้เกิดจากปัจจัยพื้นฐาน จะเกิดจากเงินทุนต่างชาติที่จะไหลเข้าลงทุน และเป็นเงินเก่าที่เข้าไปลงทุนในตลาดตราสารหนี้ในช่วงที่อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับตํ่าแต่เศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้น ทิศทางดอกเบี้ยก็ควรจะขึ้น นักลงทุนจึงต้องหาผลตอบแทนที่ดีกว่านั่นก็คือหุ้น โดยมองว่า ดัชนีจะขึ้นไปแบบม้วนเดียว เพราะมีเม็ดเงินที่พร้อมจะเข้ามา แต่ดัชนีมีโอกาสปรับลง แล้วสักพักหนึ่งคือ 6 เดือน 1 ปีหลังจากนั้น อาจจะเป็นปี 2562 วิกฤติเศรษฐกิจมีโอกาสที่จะกลับมาอีกครั้งหนึ่ง ปีนี้ต้องกล้าลงทุน แต่ระวังเมื่อใกล้ๆ 2,000 จุด

นายอิสระ อรดีดลเชษฐ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน สายงานวิจัย บล.ไทยพาณิชย์ จก. กล่าวว่า บริษัทมองดัชนีปีนี้ไว้ที่ 1,900 จุด แต่มีโอกาสที่จะถึง 2,000 จุดได้เช่นกัน เพราะเศรษฐกิจที่ขยายตัวรอบนี้คือ เครื่องจักรเริ่มเดินเครื่องพร้อมๆกัน แม้ความเร็วจะไม่เท่ากัน แต่อย่างน้อยไม่มีเครื่องยนต์ดับ ซึ่งไม่เห็นในรอบ 10 ปี และยังเกิดขึ้นภายใต้เศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวต่อเนื่องด้วย ดังนั้นต่อให้ดอกเบี้ยเริ่มขึ้น สภาพคล่องก็ยังเหลือล้น ขณะที่ปัจจัยภายนอกจะเห็นว่าเฟดเริ่มขึ้นดอกเบี้ย แต่ก็ช้า ยุโรปเองทำคิวอีช้าลง จึงทำให้สภาพคล่องโลกเองก็เหลือล้น

บาร์ไลน์ฐาน “ตอนนี้ เงินกองในพันธบัตรเยอะ แต่ถ้าเงินเฟ้อมา ก็ต้องหาสินทรัพย์อื่นแทน สัญญาณตัวหนึ่งที่ควรจับตาคือ บอนด์ยีลด์ระยะยาวปรับขึ้นเมื่อไหร่ เงินจะไหลออกไปจากตลาดพันธ บัตร จะวิ่งเข้าหาสินทรัพย์อื่นๆ ซึ่งเกิดขึ้นแล้วที่สหรัฐฯและบ้านเราจะตามไป ตลาดน่าจะมีโมเมนตัมต่อเนื่อง แต่จะถึง 2,000 จุด สุดท้ายต้องขึ้นกับรายได้(earning)”

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บมจ.หลักทรัพย์เมย์แบงก์กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ดัชนีมีโอกาสถึง 2,000 จุดในเชิงโมเมนตัม เพราะเศรษฐกิจค่อนข้างดี และแรงขับเคลื่อนทั้ง 4 หัวใจหลัก สามารถขยายตัวได้หมด แม้จะไม่เท่ากัน แต่ก็ค่อยๆไปในทิศทางเดียวกัน แต่ท้ายสุด ดัชนีจะร้อนแรงไปหรือไม่ ต้องหันกลับไปดูส่วนที่ 2 คือ การประเมินค่า (Valuation) ซึ่งปีนี้ประเมิน EPS Growth ของดัชนีประมาณ 10% ดังนั้นวางไว้ที่ 110 บาทต่อหุ้น ถ้าเทียบกับ P/E Ratio ปัจจุบันจะเห็นว่า 1,820 จุด “ปัจจัยหนึ่งที่น่าจับตาคือ การเลือกตั้ง ที่อาจจะมากดเซนติเมนต์ปลายปีได้ ครึ่งแรกทุกคนยังมองขาขึ้นต่อ แล้วค่อยดูว่า การเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร ถ้าเลื่อน จะมีกำหนดหรือไม่ ถ้ามีกำหนด จะไม่ตื่นตระหนกมากและหาก earning เป็นตามวิเคราะห์ ดัชนีก็มีโอกาสไป 2,000 จุดได้”

728x90-03-3-503x62-3-503x62 นายชัยยศ จิวางกูร ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรี จก. (มหาชน) กล่าวว่า ดัชนี 2,000 จุดอาจจะยังไม่เห็นในปีนี้ เพราะเศรษฐกิจปีที่ผ่านมา ขับเคลื่อนด้วยการบริโภค แต่จีดีพีที่โตขึ้นมาในช่วง 2 ปีหลัง มาจากภาครัฐ การท่องเที่ยวและการส่งออกเป็นหลัก แต่ล่าสุดเริ่มมีการปรับขึ้นค่าแรง เป็นการเพิ่มเงินในกระเป๋าประชาชน เพื่อให้การบริโภคกลับมาเป็นตัวขับเคลื่อนอีกแรง

“คงไม่เร็วใน 1-2 ปีนี้ที่จะเห็น ต้องใช้เวลานิดหนึ่ง ระดับ 2,000 จุดเป็นไปได้ในปีหน้า ซึ่งหากมองยาวๆ ดัชนียังเป็นขาขึ้น และในแง่สถิติส่วนใหญ่หุ้นจะปรับตัวในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม ซึ่งมีการประกาศเงินปันผล หากไม่ต้องการไล่ต่อ ก็ดูจังหวะในการเข้าไปเก็บหุ้น และถือต่อถึงปลายปีได้” นายชัยยศ กล่าว

[caption id="attachment_226530" align="aligncenter" width="334"] พิชัย เลิศสุพงศ์กิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ธนชาตฯ พิชัย เลิศสุพงศ์กิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ธนชาตฯ[/caption]

นายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ รองกรรมการผู้จัดการ บล.ธนชาต จก. กล่าวว่า เร็วเกินไปที่จะบอกว่า ดัชนีจะถึง 2,000 จุดหรือไม่ เพราะถ้าดูในแง่ผลประกอบการจะเห็นว่า กำไรต่อหุ้นของตลาดน่าจะอยู่ 113 ในปีนี้ เพราะฉะนั้น ถ้า 2,000 จุดจะตก 17.8 เท่า ซึ่งดูเร็วไป ไม่ว่าจะเทียบเคียงค่าเฉลี่ย 10 ปีหรือ 20 ปีย้อนหลังจากค่าเชิงสถิติ แต่ถ้าปีหน้า แค่ 16 เท่า ถ้าดูปัจจัยพื้นฐาน โดยเอาราคาหุ้นเป้าหมายรายหุ้นขึ้นมาทำ โดยดัชนีปีนี้เรามองที่ 1,900 จุด และปีหน้า 2,000 จุด

“อยากให้แบ่งพอร์ตการลงทุน อย่าเทนํ้าหนักไปข้างใดข้างหนึ่ง แม้จะมีมองบวกต่อตลาดหุ้น แต่ก็ไม่ควรเททั้ง 100% ซึ่งปกติควรลดนํ้าหนักตราสารนี้ลง หากเข้าหุ้นไม่ไหว ก็ลงทุนกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน หรือกองทุนทรัสต์ที่ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจะตอบโจทย์ได้ระดับหนึ่ง”

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,333 วันที่ 21 - 24 มกราคม พ.ศ. 2561
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว-9