เจมาร์ทตั้งเป้าโตทะยาน30% ปั้นสกุลเงินดิจิตอลสายพันธุ์ไทย ‘JFin Coin’รายแรก

26 ม.ค. 2561 | 10:29 น.
กลุ่มเจมาร์ทกางแผนรุกธุรกิจปี 61 ตั้งเป้าเติบโตกว่า 30% ด้วยงบลงทุน 1.9 หมื่นล้าน ประกาศระดมทุนด้วยดิจิตอล โทแคน สายพันธุ์ไทยรายแรกภายใต้ชื่อ “JFin Coin”

[caption id="attachment_251991" align="aligncenter" width="304"] อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART[/caption]

นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART กล่าวว่า ในปี 2561 นี้ กลุ่มเจมาร์ทตั้งเป้าโต 30% จากปีที่ผ่านมา โดยในปีนี้วางงบการลงทุนรวมทั้งกลุ่มไว้กว่า 1.9 หมื่นล้านบาท พร้อมทั้งเปิดตัวนายปิยะ พงษ์อัชฌา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JMART เข้ามาดูแลกลุ่มธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพ สินเชื่อ Hire Purchase และธุรกิจประกันภัย และนายกิติพัฒน์ ชลวุฒิ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JMART ดูแลนโยบายกลุ่มธุรกิจการเงิน และสินเชื่อส่วนบุคคล พร้อมตั้งเป้านำบริษัท เจ ฟินเทค จำกัด เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ปี 2562

ด้านนายดุสิต สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท เจมาร์ท โมบาย จำกัด กล่าวว่า ปีที่ผ่านมาสามารถรักษาการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ภายในสิ้นปีนี้ภาพรวมตลาดมือถือในประเทศไทย จะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 1.2 แสนล้านบาท จากปีที่ผ่านมา อยู่ที่กว่า 1.1 แสนล้านบาท โดยในปี 2560 เจมาร์ท โมบาย สามารถจำหน่ายมือถือได้กว่า 1.2 ล้านเครื่อง ซึ่งปี 2561 นี้ เจมาร์ท โมบาย ได้วางงบลงทุนไว้ที่ 130 ล้านบาท โดยตั้งเป้ากำไรสุทธิเติบโต 30% จากปีที่ผ่านมา ด้วยกลยุทธ์ผลักดันการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (Same Store Sale Growth) มากกว่า 10% ผ่านการบริหารแบรนด์หลักของบริษัท อย่าง ซัมซุงที่ในปี 2560 รักษาอัตราการเติบโตไว้ได้ที่ 7% ซึ่งในปีนี้ตั้งเป้าไว้ที่ 10% สำหรับสินค้าของแอปเปิลในปีที่ผ่านมาตั้งเป้าอยู่ที่ 10% ซึ่งในปีนี้ตั้งเป้าไว้ที่ 30% เนื่องจากสินค้าของแอปเปิลที่เข้าสู่ตลาดระดับกลางบนมากขึ้น พร้อมตั้งเป้าขยายสาขาเพิ่มอีก 75 สาขาจากเดิม 225 สาขา

ส่วนทางด้านนายสุทธิรักษ์ ตรัยชิรอาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเอ็มที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT กล่าวว่า ปีที่ผ่านมา JMT ได้มีการซื้อหนี้เข้ามาบริหารในพอร์ตแล้วกว่า 1.2 แสนล้านบาท ด้วยจำนวนลูกค้ากว่า 3.2 ล้านราย ใช้เงินลงทุนสะสมไปแล้ว 6,080 ล้านบาทหรือคิดเป็น 5% ซึ่งสามารถเก็บเงินกลับมาได้แล้ว 5,860 ล้านบาทหรือ 96% จากเงินที่ลงทุนไป โดยคิดเป็นรายได้ 3,469 ล้านบาท หรือ 59% โดยในปี 2561 นี้ตั้งเป้าเติบโตไว้ที่ 30% จากปีที่ผ่านมา และวางงบลงทุนไว้ที่ 4,500 ล้านบาท ในการซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารอีก 5.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นหนี้ด้อยคุณภาพที่ไม่มีหลักประกัน และหนี้ที่มีหลักประกัน คาดภายในสิ้นปี 2561 ตัวเลขในพอร์ตจะอยู่ที่ 1.7 แสนล้านบาท ปัจจุบัน บริษัทในเครือ เจเอ็มที กัมพูชา ได้เริ่มการติดตามหนี้แล้ว ซึ่งในปลายปี 2561 จะเข้าสู่ตลาดเวียดนาม

ขณะที่นายสุพจน์ วรรณา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) หรือ Jas กล่าวว่า สำหรับเจเอเอส แอสเซ็ท ในปี 2561 ตั้งเป้ารายได้เติบโตไว้ที่ 30% จากปีก่อน คาดเทิร์นอะราวด์ โดยมีการวางงบลงทุนไว้ที่ 720 ล้านบาทเพื่อพัฒนาธุรกิจบริหารพื้นที่เช่าศูนย์โทรศัพท์มือถือ ภายใต้ชื่อ “IT JUNCTION” ที่ปัจจุบันมีจำนวน 52 สาขา โดยในปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มอีก 8 สาขา รวมถึงธุรกิจศูนย์การค้าชุมชนภายใต้ชื่อ The Jas สำหรับโครงการคอนโด Newera โครงการแรกตั้งเป้ารับรู้รายได้ในปลายปี 2561 นอกจากนี้ยังมีแบรนด์ย่อย Rabb Coffee ของธุรกิจกาแฟแบรนด์ คาซ่า ลาแปง ที่เน้นเจาะตลาดแฟรนไชส์สำหรับ ผู้ที่สนใจทำธุรกิจกาแฟที่มีแบรนด์มาตรฐาน พร้อมวางแผนตั้งบาริสต้า อะคาเดมีเพื่อผลิตบาริสต้าเข้าสู่ร้านกาแฟที่ตั้งเป้าภายใน 3 ปีขยายอีก 250 สาขา

728x90-03-3-503x62 สำหรับนายกิตติพงศ์ กนกวิไลรัตน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER กล่าวว่า สำหรับปีนี้ตั้งเป้ารายได้รวมเติบโต 35% จากปีก่อนโดยวางงบลงทุนไว้กว่า 3,000 ล้านบาท เน้นขายสินค้าเพื่อการพาณิชย์ที่เจาะกลุ่มลูกค้าประเภทธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เช่น ตู้แช่ ตู้เติมนํ้ามันหยอดเหรียญ และตู้เติมเงิน โดยใช้ความได้เปรียบสำหรับช่องทาง การปล่อยสินเชื่อให้กับรากหญ้า ทั้งนี้ Singer มีแผนขยายสาขาและช่องทางการจัดจำหน่าย โดยเปิดตัว “Singer Franchise” ให้กับผู้ที่สนใจต้องการเป็นเจ้าของธุรกิจ ตั้งเป้าขยาย 350 สาขา ภายในปี 2563

ส่วนนายธนวัฒน์ เลิศวัฒนารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด (JVC) กล่าวว่า ในปีนี้เจ มาร์ท ได้นำเอาเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) เข้ามาใช้โดยประกาศแผนระดมทุนผ่านดิจิตอล โทเคน รายแรกในไทย ในชื่อ JFin Coin จำนวนทั้งหมด 300 ล้านเหรียญ โดยนำมาทำ ICO หรือ Initial Coin Offering จำนวน 100 ล้านเหรียญ ในราคาหน่วยละ 0.20 ดอลลาร์สหรัฐฯ คาดว่าจะระดมทุนได้ประมาณ 660 ล้านบาท เพื่อนำไปพัฒนาระบบ Digital Lending Platform หรือระบบสินเชื่อแบบดิจิตอลให้กับบริษัท เจ ฟินเทคฯ ซึ่งปัจจุบันได้จัดทำเอกสารแสดงข้อมูลสำหรับการระดมทุนใกล้เสร็จสิ้นแล้วและมีแผนจะเสนอขายรอบพรีเซลในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2561

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,333 วันที่ 21 - 24 มกราคม พ.ศ. 2561
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว-9