INGRS ผ่านจุดตํ่าสุด ปี 2561 รายได้โต-ออร์เดอร์ใหม่-โรงงานอินเดีย

18 ม.ค. 2561 | 07:05 น.
INGRS มั่นใจธุรกิจปีนี้กลับมาสดใส ออร์เดอร์ 4 โครงการใหม่เข้า 2 พันล้าน รับรู้รายได้โรงงานอินเดียเต็ม 100% ซีอีโอชี้ กระแสรถไฟฟ้าไม่กระทบการผลิต

นายอับดุลราฮิม บิน ฮายี ฮีตัม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อิงเกรส อินดัสเตรียล (ไทยแลนด์)ฯ หรือ INGRS เปิดเผยว่า ผลประกอบการปี 2561 (1 ก.พ. 61- 31 ม.ค. 2562) พลิกฟื้นกลับมาเติบโต เนื่องจากบริษัทได้โครงการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ 4 โครงการใหม่ ระยะเวลาผลิต 5 ปี มูลค่าทั้งหมด 2,000 ล้านบาท ประกอบด้วยชิ้นส่วนรถยนต์สำหรับฮอนด้า CR-V 2017 ใหม่ในประเทศไทยและมาเลเซีย, ชิ้นส่วนรถยนต์มิตซูบิชิ เอ็กเพนเดอร์ Multi-Purpose Vehicle (MPV) ในประเทศอินโดนีเซีย, ชิ้นส่วนรถยนต์รถ Perodua New Myvi ในมาเลเซีย และชิ้นส่วนรถยนต์ Nissan NAVARA สำหรับส่งออกไปประเทศสเปน ซึ่งบริษัทใช้เงินลงทุนใหม่ 250 ล้าน บาท เพิ่มกำลังผลิตจาก 60% เป็น 75% ในการเพิ่มยอดขายและกำไร รวมทั้งกำไรที่เพิ่มเติมจากการรับรู้รายได้โรงงานในประเทศอินเดีย ซึ่ง INGRS เพิ่มการลงทุนเป็น 100% ในเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา

[caption id="attachment_251257" align="aligncenter" width="503"] อับดุลราฮิม บิน ฮายี ฮีตัม อับดุลราฮิม บิน ฮายี ฮีตัม[/caption]

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า ผลประกอบการปี 2560 สิ้นสุดวันที่ 31 มกราคม 2561 ได้ผ่านจุดตํ่าสุดแล้วและปีนี้เป็นต้นไปจะเติบโตขึ้นต่อเนื่อง สาเหตุจากปีที่ผ่านมาไม่มีการรับรู้รายได้พิเศษ 50 ล้านบาท จากรายได้ภาษี 15 ล้านบาท และกำไรอัตราแลกเปลี่ยน 35 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2559 อีกทั้งปัญหาบริษัท โปรตอนฯ ซึ่งเป็นลูกค้าหลักของอิงเกรส มีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นใหม่ หลังจากวอลโว่ เข้ามาถือหุ้นใหญ่ในโปรตอน ขณะนี้อยู่ระหว่างการเสนอราคา และคาดว่ามีโอกาสได้งานสูง เนื่องจากโปรตอน ให้มาเลเซีย เป็นศูนย์การสร้างโปรตอน พวงมาลัยขวา

สำหรับปี 2561 บริษัทมีแผนลงทุนเพิ่ม 1.2 พันล้านบาท ใน High tensile ซึ่งเป็นเหล็กที่มีคุณภาพแข็งแกร่ง ทนทานความร้อนในการขึ้นรูปงานพิมพ์ โดยมาเลเซียมีโอกาสได้งานสูง รวมทั้งแผนลงทุนในอินเดียเพิ่ม 2 ปีข้างหน้า จำนวน 600 ล้านบาท และอยู่ระหว่างศึกษาร่วมทุนกับเกาหลีในการเปิดโรงงานที่ประเทศเวียดนาม ตามการเติบโตของลูกค้ารถยนต์

นายราเมลี บิน มูซา รองประธาน INGRS กล่าวว่า การลงทุนใหม่ๆ ภายใน 3-5 ปี ข้างหน้าจะมุ่งไปที่ประเทศอินเดีย เนื่องจากเป็นตลาดใหญ่ ที่มีการเติบโตสูง ทั้ง 4 ภาคมีการผลิตรถยนต์ 6 ล้านคัน ซึ่งปีที่ผ่านมา 3 ประเทศ คือไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ผลิตรถได้ 4 ล้านคัน แต่อินเดียประเทศเดียว มีกำลังผลิต 5 ล้านคัน

728x90-03-3-503x62 (1) “เทรนด์รถไฟฟ้าที่เข้ามา จะไม่กระทบกับการผลิตของบริษัทที่ผลิตกรอบประตูหน้าต่าง และกลุ่มอิงเกรส ใช้เทคโนโลยีภายในกลุ่ม ที่มีความพร้อมและแข่งขันในตลาดได้ ซึ่งเทคโนโลยีและไฮเทนไซด์ จะเป็นตัวผลักดันการลงทุนใหม่ๆ ที่สำคัญบริษัทกระจายความเสี่ยงลงทุนไปยังประเทศต่างๆ ตามกลุ่มผู้ผลิตรถ ทำให้ไม่มีความเสี่ยง ส่วนการเลือกตั้งในมาเลเซียเดือนเมษายนนี้ รัฐบาลได้กระตุ้นเศรษฐกิจและผ่อนคลายการปล่อยกู้ ทำให้ยอดขายรถดี เงินริงกิตที่แข็งขึ้นเมื่อแปลงเป็นเงินบาทก็ดีขึ้น การลงทุนแต่ละประเทศ เป็นการซื้อวัตถุดิบในประเทศ แต่มีความเสี่ยงหลักคือ การแปลงรายได้และกำไรเป็นเงินบาท จะมีผลกระทบที่ควบคุมไม่ได้” รองประธานกล่าว

ทั้งนี้ INGRS มีบริษัทย่อยที่ประกอบธุรกิจหลักในมาเลเซีย จำนวน 3 บริษัท ประกอบด้วย 1. บริษัท อิงเกรส เทคโนโลยีฯ SDN.BHD. (ITSB) เชี่ยวชาญการผลิตและประกอบชิ้นส่วนยานยนต์ ประเภทกดอัดนํ้าหนักสูงและปานกลาง หรือสแตมปิ้ง ให้ลูกค้า OEMs โดยตรง แก่ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ในมาเลเซีย 2. บริษัท อิงเกรส พรีซิชั่นฯ Sdn.Bhd. (IPSB) ผลิตและขายขอบหน้าต่างประตูรถยนต์ และ 3. บริษัท Talent Synergy Sdn.Bhd. (TSSB ) ดำเนินธุรกิจออกแบบและติดตั้งระบบ จัดหาเครื่องจักร เครื่องมือและอุปกรณ์ตามความต้องการลูกค้า และกลุ่มบริษัทอิงเกรสฯ

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,332 วันที่ 18 - 20 มกราคม พ.ศ. 2561
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว-9