Thais media behavior trends 2018 (1)

20 ม.ค. 2561 | 05:43 น.
mp35-3332-2a สำหรับสังคมไทยในยุคปัจจุบันนี้เราอยู่ในช่วงที่มีส่วนผสมของประชากรที่ค่อนข้างหลากหลาย โดยมีอยู่ถึง 4 Generations ด้วยกันโดยจะมีพฤติกรรมการเสพสื่อที่ต่างกัน นี่ถือเป็นช่วงเวลาที่ท้าทายที่สุดช่วงหนึ่งของคนทำสื่อในการที่จะเข้าใจถึงความแตกต่างนี้

สำหรับบทความวันนี้เราได้คุณสันติ์ เดโชดมพันธ์ Managing Director จาก Initiative Thailand มาเปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจในการที่จะเข้าใจผู้บริโภคในยุคนี้กันครับ

ประเทศไทยในปัจจุบันมีกี่ Generations?
Baby boomer-อายุระหว่าง 57-72 ปี (ประมาณ 25%)
Gen X-อายุระหว่าง 37-56 ปี (ประมาณ 35%)
Gen Y-อายุระหว่าง 22-36 ปี (ประมาณ 25%)
Gen Z-ตั้งแต่เด็กจนถึง 22 ปี (ประมาณ 15%)

mp35-3332-1a โดยมีสัดส่วนของประชากรคิดเป็น Baby boomer รวมกับ Gen X มีประมาณ 60% และ Gen Y รวมกับ Gen Z มีประมาณ 40% เป็นที่เรารู้กันอยู่แล้วว่า ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ แต่อีกอันที่น่าสนใจคือ Gen Z ตอนนี้ที่อายุอยู่ในวัยรุ่น (10%) เขาไม่ใช่เด็ก เขาสามารถตัดสินใจเอง หรือ มีปากมีเสียงมากขึ้นแล้ว ทำให้เราต้อง มองกลุ่มนี้เป็นอีกกลุ่มที่น่าสนใจ

ความแตกต่างของแต่ละ Generations?

ในแต่ละ Generations นั้นก็จะมีความแตกต่างกันอยู่พอสมควร โดยส่วนใหญ่ในกลุ่มของ Baby boomer กับ Gen X มักจะมองหาอะไรที่เป็นเหตุเป็นผลมากกว่าในกลุ่มของ Gen Y และ Gen Z และถ้าหากเราอยากจะทำให้คนในกลุ่ม Baby boomer กับ Gen X เราต้องเน้นการสื่อสารด้วยเนื้อหาที่เป็นเหตุเป็นผลและจำเป็นจะต้องมีนํ้าหนักพอในการที่จะสร้างชุดความเชื่อให้เกิดขึ้นในจิตใจของพวกเขาได้

แต่ในทางกลับกันคนในกลุ่มของ Gen Y และ Gen Z จะเป็นกลุ่มที่มีเหตุผลเป็นของตัวเอง เชื่อและอยากทำอะไรก็ตามโดยมีเหตุผลของตัวเองเป็นที่ตั้ง ซึ่งในการที่จะดึงความสนใจจากคนกลุ่มนี้เราจำเป็นที่จะต้องสื่อสารด้วยภาษาและรูปแบบที่พวกเขาคุ้นเคย

คุณสันติ์ เดโชดมพันธ์ได้เปิดเผยอีกว่า โดยในกลุ่ม Gen Y กับ Gen Z ยังอยู่ในช่วงของวัยที่กำลังแสวงหาและต้องการสร้างการยอมรับซึ่งทำให้เกิดความพยายามในการสร้างตัวตนมากกว่าคนในรุ่นอื่นๆ ซึ่งถ้าอยากจะให้คนกลุ่มนี้สนใจแล้วละก็การสื่อสารที่สามารถสร้างภาพลักษณ์ที่โดดเด่นให้กับพวกเขาได้ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ใช้ได้อยู่เสมอ
ความผูกพันกับแบรนด์ของแต่ละ Generations?

โดยส่วนใหญ่คนในกลุ่มของ Baby boomer และ Gen x จะมีความผูกพันกับแบรนด์และผลิตภัณฑ์มากกว่าและถ้าหากแบรนด์สามารถสร้างเรื่องราวและความน่าเชื่อถือให้กับคนกลุ่มนี้ได้แล้วละก็ คนในกลุ่มนี้มีแนวโน้มที่จะเป็นลูกค้าชั้นดีให้กับแบรนด์นั้นๆ ต่อไปในอีกระยะเวลาหนึ่งเลยทีเดียว

สำหรับ Gen Y และ Gen Z นั้นพวกเขาจะมุ่งเน้นไปถึงสินค้าและบริการที่จะส่งเสริมภาพลักษณ์ของพวกเขาได้มากกว่าโดยจะไม่ยึดติดอยู่กับแบรนด์ใดหรือแบรนด์หนึ่งเป็นพิเศษ

คุณสันติ์ได้เพิ่มเติมอีกว่าสำหรับการที่จะสื่อสารกับคนทั้ง 4 Generations จะต้องอาศัยการ “Take the Initiative in Culture” ในการวางแผนการสื่อสารเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด เราต้องตั้งเป้าหมายที่จะสร้างสรรค์โดยใช้ความคิดริเริ่ม และมองความเป็นไปในวัฒนธรรม และสังคมไทย ที่เริ่มมีการผสมผสานของ Generations ตามที่ได้กล่าวมา ซึ่งนอกจากจะทำให้เกิดแผนงานที่ดี ตอบรับกับกลุ่มเป้าหมายในแต่ละ Generations และ ต้องร้อยเรียงเป็นเรื่องเดียว กัน เพื่อให้สร้างโอกาสที่ดีที่สุดในการสื่อสารให้กับสินค้า

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,332 วันที่ 18 - 20 มกราคม พ.ศ. 2561
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว-9-7-503x62