"กฤษฎา"สั่งการนำการตลาดนำการผลิตนโยบายเกษตรแปลงใหญ่

14 ม.ค. 2561 | 06:01 น.
"กฤษฎา"สั่งการผ่านไลน์ถึงปลัดเกษตร/อธิบดีเร่งเดินหน้านโยบายเกษตรแปลงใหญ่ ชูตลาดนำการผลิต

[caption id="attachment_250068" align="aligncenter" width="503"] นายกฤษฎา บุญราช นายกฤษฎา บุญราช[/caption]

-14 ม.ค.60-นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์(กษ)เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจว่า"ว่า ได้มีคำสั่งผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ถึงปลัดเกษตรฯ อธิบดีหรือหัวหน้าส่วนราชการเทียบเท่าระดับกรม/ผู้ตรวจราชการทุกเขตและผู้บริหารรัฐวิสาหกิจและองค์การมหาชนในสังกัดกระทรวง

"ตามที่กระทรวงได้ดำเนินการขับเคลื่อนนโยบายเกษตรแปลงใหญ่เพื่อลดต้นทุนการผลิตและสนับสนุนส่งเสริมการร่วมกลุ่มเกษตรกรให้เป็นสถาบันเกษตรกรที่เข้มแข็งโดยให้มีการบูรณาการเจ้าหน้าที่ในสังกัด กษ. ทุกหน่วยงานลงไปร่วมกันในการดูแลเกษตรกรในระบบเกษตรแปลงใหญ่นั้น"

ขอมอบหมายให้ปลัดและผู้บริหาร ฝ่ายประจำ ได้กำหนดแนวทางการบริหารหรือนำนโยบายดังกล่าวข้างต้นไปดำเนินการ (implement) ในพื้นที่ให้ต่อเนื่องและเกิดประโยชน์ต่อเกษตรกรอย่างเป็นรูปธรรม จึงขอให้เพิ่มเติมโดยนำหลักคิดในเรื่องการตลาดนำการผลิตทางการเกษตรไปดำเนินการด้วย ดังนี้

ขอให้จัดประชุมคณะอนุกรรมการพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ของจังหวัด (อ.พ.ก.)ที่มีรอง ผวจ.เป็นประธานและเกษตรและสหกรณ์จังหวัดเป็นเลขานุการ เพื่อมอบหมายให้ คณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนงานนโยบายสำคัญและการแก้ไขปัญหาภาคเกษตรระดับจังหวัด (Chief of Operation)ซึ่งมีเกษตรจังหวัดเป็นเจ้าของเรื่องนำไปปฏิบัติให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ตามขั้นตอน ดังนี้

1.สำรวจเพื่อรวบรวมข้อมูลเกษตรแปลงใหญ่ที่มีพื้นที่รวมกันตั้งแต่ จำนวน ๕๐ไร่ขึ้นไปที่ได้ดำเนินการไปแล้ว และยังไม่มีแผนการผลิตและแผนการตลาดอย่างครบวงจร และผลผลิตของสมาชิกยังมีปัญหาไม่มีตลาดรองรับนั้น มีจำนวนกี่แปลง ตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่บ้าน ตำบล อำเภอและจังหวัดไหนและเกษตรกรสมาชิกปลูกพืชหรือประกอบการเกษตรกรรมประเภทอะไรเป็นส่วนใหญ่ มีการรวมตัวกันจดทะเบียนกลุ่มหรือวิสาหกิจชุมชนหรือสมาชิกสหกรณ์การเกษตรแล้วหรือไม่อย่างไร

2.วิเคราะห์แผนการผลิต แผนการตลาดของเกษตรแปลงใหญ่ว่า มีปัญหาหรือจุดอ่อนในเรื่องอะไรที่เกินขีดความสามารถของหน่วยงานในพื้นที่ที่จะแก้ไขได้ และต้องการขอรับการสนับสนุนจากส่วนกลางในเรื่องอะไรบ้าง

3.ในเบื้องต้นนี้ขอให้คณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนฯระดับจังหวัด(Chief of Operation)ได้มอบหมายคณะทำงานปฏิบัติการขับเคลื่อนงานนโยบายสำคัญและแก้ไขปัญหาการเกษตรระดับอำเภอ(operation team)รวมทั้งขอให้อธิบดี
หรือหัวหน้าส่วนราชการเทียบเท่าและผู้บริหารรัฐวิสาหกิจและองค์การมหาชนในสังกัดเกษตรทุกหน่วยสั่งการมอบหมายเจ้าหน้าที่ กษ.ในสังกัดที่ปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานระดับจังหวัดหรือเขตหรือภาคหรือศูนย์วิชาการ/เรียนรู้หรือสถานีทดลองต่างๆ เข้าไปบูรณาการร่วมงานกันเป็นชุดปฎิบัติการเกษตร(ชป.กษ.)ประจำพื้นที่เกษตรแปลงใหญ่เพื่อลงไปดูแลแนะนำช่วยเหลือเกษตรกรในเรื่องต่างๆ เช่น การจัดหาแหล่งนำ้ การวิเคราะห์ตรวจคุณภาพดินเพื่อหาสารอาหารหรือแร่ธาตุในดิน การแนะนำเลือกพืชหรือสัตว์ให้เหมาะสมกับพื้นที่ หรือความต้องการของตลาด การเลี้ยงสัตว์น้ำ การดูแลป้องกันโรคพืช โรคสัตว์ แนะนำการใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและพัฒนาคุณภาพผลผลิต ฯลฯ กล่าวโดยสรุปชุดปฏิบัติการเกษตร(ชป.กษ.)ซึ่งมีเกษตรตำบลเป็นหัวหน้าชุดจะทำหน้าที่เสมือนผู้จัดการแปลงหรือฟาร์มการเกษตรกรรมหรือที่ปรึกษาของเกษตรกรในพื้นที่แปลงในพื้นที่

3.ขอให้นำข้อมูลจาก ข้อ 1 มาจัดประชุมระหว่างคณะอนุกรรมการฯ จังหวัด (อ.พ.ก.) กับหน่วยงานรัฐและเอกชนด้านการตลาดซึ่งได้แก่พาณิชย์จังหวัด อุตสาหกรรมจังหวัด ธกส.หรือหน่วยราชการที่รับซื้อสินค้าการเกษตรไปใช้ในหน่วยงานเช่นโรงเรียน โรงพยาบาล หรือชมรมธนาคารจังหวัดหรือหอการค้าหรือสภาอุตสาหกรรมจังหวัดรวมทั้งบริษัทประชารัฐรักสามัคคีจังหวัดให้มาร่วมกันพิจารณารับซื้อผลผลิตจากกลุ่มเกษตรแปลงใหญ่หรือร่วมวางแผนการตลาดให้แก่กลุ่มเกษตรกรหรืออาจให้มีการตกลงจับคู่ค้าขายกันตามพันธะสัญญาที่เป็นธรรมระหว่างกลุ่มเกษตรกรสมาชิกเกษตรแปลงใหญ่ หรือวิสาหกิจชุมชน สหกรณ์การเกษตรกับภาคเอกชนผู้ค้าปลีก ค้าส่งหรือส่งออกประเทศ บริษัท ห้างสรรพสินค้าหรือร้านค้าตัวแทนจำหน่ายสินค้าอุปโภค บริโภค หรือร้านค้าสะดวกซื้อซึ่งมีสาขาอยู่ในจังหวัดต่างๆแล้ว

นายกฤษฎา กล่าวต่อไปว่า หากการดำเนินการมีปัญหาอุปสรรคเกี่ยวกับผลผลิตของเกษตรกรล้นตลาดหรือ ไม่มีผู้รับซื้อผลผลิต ก็ให้รีบรายงานคณะกรรมการบริหารการขับเคลื่อนงานนโยบายสำคัญและการแก้ไขปัญหาภาคเกษตร ซึ่งมี ปลัด เป็นประธานคณะกรรมการทราบโดยด่วนที่สุด เพื่อส่วนกลางจะได้หาแนวทางหรือประสานงานกับหน่วยงานรัฐหรือภาคเอกชนในส่วนกลาง ลงไปช่วยเหลือแก้ไขปัญหาให้จังหวัดต่อไป

ad-hoon-1 สำหรับพื้นที่ที่มีการปลูกยางพาราเป็นจำนวนมาก และมีปัญหาผลผลิตราคาตกต่ำนั้น ขอให้คณะอนุกรรมการฯ จังหวัด (อ.พ.ก.) ได้มอบให้คณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนงานนโยบายสำคัญและการแก้ไขปัญหาภาคเกษตรระดับจังหวัด (Chief of Operation) เป็นหน่วยดำเนินการต่อไป ดังนี้

1. ขอให้ประชาสัมพันธ์เชิญชวนเกษตรกรชาวสวนยาง ที่มีความประสงค์เข้าร่วมโครงการพัฒนาอาชีพเกษตรกรรมใหม่เพื่อทดแทนการปลูกยางซึ่งมีหลักการรองรับการพัฒนาอาชีพปลูกยางพารา ดังนี้

(1)การเปลี่ยนอาชีพจากการทำสวนยางมาทำเกษตรกรรมใหม่ ที่มีตลาดรองรับหรือมีโอกาสที่เกษตรกรจะรายได้มากกว่าการทำสวนยาง

(2.)เกษตรกรที่จะเข้ารวมโครงการตามข้อ(1) ต้องรวมตัวกันเป็นกลุ่มและมีสวนยางหรือแปลงยางติดกันหรือใกล้เคียงกันในตำบลหรือหมู่บ้านเดียวกัน โดยมีขนาดเนื้อที่รวมกันตั้งแต่ 50 ไร่ขึ้นไป คล้ายหลักการในโครงการเกษตรแปลงใหญ่

(3.)สำหรับผู้เข้าร่วมโครงการพัฒนาเกษตรกรรมใหม่เพื่อปรับเปลี่ยนอาชีพทำสวนยางมาทำเกษตรกรรมใหม่ ตามคำแนะนำของทางราชการนั้น ทางราชการจะรับผิดชอบดูแลสนับสนุนปัจจัยการผลิตและการตลาดรวมทั้งหาอาชีพเสริมในช่วงรอผลผลิตทางการเกษตรกรรมใหม่ที่จะขายได้ด้วย

สำหรับการรวบรวมรายชื่อเกษตรกรตามและจำนวนพื้นที่แปลงสวนยางที่ประสงค์จะเข้าร่วมโครงการพัฒนาอาชีพเกษตรกรรมใหม่ว่า แต่ละจังหวัดมีจำนวนพื้นที่แปลงใหญ่กี่แปลง แต่ละแปลงมีขนาดพื้นที่กี่ไร่ และกลุ่มเกษตรกรเจ้าสวนยางเหล่านั้นมีการจดทะเบียนกลุ่ม/วิสาหกิจหรือเป็นสมาชิกสหกรณ์หรือไม่

ส่วนในระดับนโยบายคณะกรรมการนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งมี รมว.กระทรวงเกษตรฯเป็นประธานและเลขาธิการ สศก.เป็นเลขานุการ จะนำข้อมูลมาประสานงานกับหน่วยงานรัฐและเอกชนในส่วนกลาง เพื่อกำหนดแนวทางการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาการตลาดของผลผลิตเกษตรกรรมตามโครงการเกษตรแปลงใหญ่และโครงการพัฒนาอาชีพเกษตรกรรมใหม่ทดแทนการทำสวนยางและจะแจ้งผลให้จังหวัดทราบต่อไป

นอกจากนี้ขอมอบหมายให้ปลัดกำหนดมาตรการและวิธีการให้ผู้ตรวจระดับกระทรวงและระดับกรม เป็นคณะทำงานตรวจแนะนำและติดตามการดำเนินการของจังหวัดประจำพื้นที่ทั้ง 76 จังหวัดว่า มีปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินการของจังหวัดและอำเภออย่างไร หรือไม่ เพื่อรวบรวมรายงานให้คณะกรรมการนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ทราบ จะได้ให้การสนับสนุนหรือแก้ไขปัญหาในพื้นที่ได้ถูกต้องต่อไป โปรโมทแทรกอีบุ๊ก-6-15