กูรูชี้หุ้นไทยราคาถูก P/E ต่ำ-ศก.ขาขึ้น

17 ม.ค. 2561 | 03:18 น.
ตลาดหุ้นไทยฟอร์มเจ๋ง ปีนี้แจกกำไรเกือบ 5% ในเทอมดอลลาร์ ค่าเงินบาทแข็งมากสุดเอเชีย 2% มองตรงกันดัชนีหุ้นไปต่อสบาย จุดเด่นชัดเจน ราคายังถูก เศรษฐกิจขาขึ้นอย่างน้อย 2 ปี ชวนซื้อหุ้นญี่ปุ่น

ในปี 2561 ตลาดหุ้นไทยให้อัตราผลตอบแทนในเทอมดอลลาร์สหรัฐอเมริกาถึง 4.56% สูงติดอันดับต้นๆของเอเชีย และค่าเงินบาทแข็งค่ามากที่สุด 2% เคลื่อน ไหวตํ่ากว่า 32 บาท/ดอลลาร์ ส่วนหนึ่งเกิดจากค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัวลงแรง จากความกังวลเรื่องจีนส่งสัญญาณว่าอาจยุติการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และเงินไหลเข้ามาซื้อตราสารหนี้ไทย 5.7 หมื่นล้านบาทในช่วง 7 วันทำการ ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายจำนวน 9,607 ล้านบาท(1-11 มกราคม) ส่งผลให้ดัชนีหุ้นพักฐานก่อนที่จะปรับตัวขึ้นทะลุ 1,800 จุด ปิดที่ระดับ 1,080 จุดเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2560

นายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ธนชาตฯ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยยังมีโอกาสปรับขึ้น เนื่องจากราคายังไม่แพง ซื้อขายที่สัดส่วนราคาต่อกำไรต่อหุ้น(พี/อี) 16 เท่าเศษ ปีที่ผ่านมาดัชนีหุ้นปรับขึ้น 16% ถือน้อยกว่าตลาดหลายแห่ง เช่น เอ็มเอสซีไอไม่รวมญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 41% ส่วนฟิลลิปปินส์ขึ้นมามาก จากเศรษฐกิจโตเร็ว ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจไทยกำลังเร่งตัว คาดอยู่ในช่วงขาขึ้นอย่างน้อย 2 ปี เติบโตมากกว่า 4% จากการส่งออกและการท่องเที่ยว ยกเว้นว่าเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น

TP2-3331-5 “ธนชาตให้เป้าหมายดัชนีหุ้นในปีนี้ที่ 1,900 จุด และปีหน้า มีโอกาสขึ้นถึง 2,050 จุด จากเศรษฐกิจขยายตัว 4.3-4.5% และกำไรของบจ.เติบโตประมาณ 10% ขณะที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ดีขึ้น ตามภาวะเศรษฐกิจโลก ส่วนการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯหรือเฟด มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดขึ้น 3 ครั้งภายในปีนี้ จากเงินเฟ้อเริ่มขึ้นมา” นายพิชัย กล่าว

นายอิสระ อรดีดลเชษฐ์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ไทยพาณิชย์ (SCBS) แนะนำให้นักลงทุนจับตาดูความเป็นไปได้ที่จะเห็นอัตรา เงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นอีกครั้งในปี 2561 และอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น มีนัยสำคัญต่อผลตอบแทนพันธบัตร ยกเว้นญี่ปุ่นซึ่งยังใช้นโยบายควบคุมผลตอบแทนพันธบัตร

728x90-03 “ผลตอบแทนพันธบัตร ที่เพิ่มขึ้นและสภาพคล่องที่ยังล้นอยู่ จะสนับสนุนให้ตลาดหุ้นเพิ่มขึ้น โดยตั้งเป้าดัชนีหุ้นปลายปี 2561ที่ 1,900 จุด” นายอิสระกล่าว

นายนาวิน อินทรสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุนต่างประเทศ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า บลจ.กสิกรไทยฯมีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นญี่ปุ่นในระยะกลาง-ยาว จากผลประกอบการบจ.ที่มีแนวโน้มเติบโตได้ดีขึ้น ราคาหุ้นญี่ปุ่นยังไม่น่าสนใจ และถูกกว่าเมื่อเทียบกับประเทศพัฒนาแล้วอย่างสหรัฐฯจึงแนะนำให้ผู้ลงทุน สามารถเข้าลงทุนเพิ่มเติมได้ ส่วนที่ลงทุนอยู่แล้ว ให้ถือต่อเนื่องเพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว อย่างไรก็ตามปัจจัยระยะสั้นที่จะต้องติดตาม คือประเด็นการขึ้นภาษีบริโภคจาก 8% เป็น 10% ในเดือนตุลาคม 2562 รวมถึงปัจจัยเสี่ยงจากทิศทางการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยนที่ยังมีความผันผวนต่อเนื่องด้วย

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,331 วันที่ 14 - 17 มกราคม พ.ศ. 2561
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว-9