Range Rover Velar อยากรู้ ‘เวลา’เป็นเงินเป็นทอง ลองจ่าย 8 ล้าน

17 ม.ค. 2561 | 11:03 น.
ย้อนไปปีที่แล้ว ผมมีโอกาสลองขับ “จากัวร์ เอฟ-เพซ” (Jaguar F-Pace) เอสยูวีรุ่นแรกของค่ายเสือกระโจนที่สมรรถนะออกแนวดุดันครับ เครื่องยนต์แรงสมเนื้อสมตัว ส่วนบุคลิกการควบคุมและช่วงล่างค่อนข้างสปอร์ตหนักหน่วง
ประเดิมศักราชใหม่ ผมนำพี่น้องร่วมท้องที่พัฒนาบนพื้นฐานวิศวกรรมเดียวกันอย่าง “เรนจ์ โรเวอร์ เวลาร์” (Range Rover Velar) มาทดสอบโดยตำแหน่งการทำตลาดอาจจะสูงกว่า“จากัวร์ เอฟ-เพซ” นิดๆ หรือราคาขายแพงกว่าหน่อย (ราคาเริ่มต้น 4.699 ล้านบาท)

MP33-3331-2A บริษัท อินช์เคป (ประเทศไทย) จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์จากัวร์และแลนด์โรเวอร์อย่างเป็นทางการ นำเอสยูวีสายพันธุ์ใหม่ “เวลาร์”เข้ามาทำตลาดอย่างรวดเร็ว เพราะตลาดโลกเพิ่งเปิดตัวต้นปี 2560 จากนั้นช่วงไตรมาสที่ 3 ปีเดียวกันคนไทยก็มีโอกาสได้สัมผัสตัวเป็นๆ พร้อมแบ่งการทำตลาดเป็น 3 เกรด คือ S ราคา 5.999 ล้านบาท S R-Dynamic 6.499 ล้านบาท และตัวท็อปที่ผมลองขับ HSE 6.999 ล้านบาท

ทั้งหมดใช้เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 2.0 ลิตร เทอร์โบ 190 แรงม้า เหมือนกัน ต่างกันที่ออพชันการตกแต่งภายนอก-ภายใน และระบบอำนวยความสะดวกและความปลอดภัย

MP33-3331-4A อย่างไรก็ตาม ใครอยากได้เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตรตัวแรงกว่านี้ ระดับ 240 แรงม้า หรือนิยมเครื่อง วี6 ขนาด 3.0 ลิตร ก็ลองติดต่อ “อินช์เคป” ให้เขาเป็นธุระจัดหาดูครับ แต่เชื่อว่าราคาคงขึ้นมาเป็นหลักล้านบาท (ก็ซื้อ “เรนจ์ โรเวอร์ สปอร์ต” ไปเลยดีไหม)

สำหรับ “เรนจ์ โรเวอร์ เวลาร์” จะเข้ามาเสียบแทรกกลางระหว่าง “อีโวค” (Evoque) ที่ราคาเริ่มต้น 3 ล้านบาทกลางๆ กับเฟล็กชิพโมเดล “เรนจ์ โรเวอร์ สปอร์ต” (Range Rover Sport) ราคา 8 ล้านบาท (กำลังจะมีรุ่นปลั๊ก-อินไฮบริด ขายเร็วๆนี้)

MP33-3331-1A โดยคอนเซ็ปต์ในการพัฒนารถของ “เวลาร์” มีแนวทางชัดเจน ทั้ง การออกแบบ การขับขี่ และการใช้งาน ไม่วุ่นวายซับซ้อน ประมาณว่าเรียบหรูดูดีแต่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพในระดับของ“เรนจ์ โรเวอร์”

การออกแบบภายนอก-ภายใน เน้นเส้นสายสบายตา พร้อมการเลือกใช้วัสดุชั้นดีในการตกแต่ง ที่สำคัญต้องตอบสนองความสะดวกสบายในการใช้งาน

MP33-3331-3A อย่างมือเปิดประตู ก็ออกแบบให้เก็บเรียบไปกับตัวถัง(บานประตู) ต้องกดปุ่มก่อนมือเปิดถึงจะยื่นออกมา ส่วนภายในห้องโดยสารก็อารมณ์สุนทรีย์ โดดเด่นด้วยจอทัชสกรีนขนาด 10 นิ้ว 2 จอ(บน-ล่าง) คอยแสดงผลและควบคุมฟังก์ชันการทำงานต่างๆ

แถมด้วยเบาะนวดคู่หน้าที่เลือกการกดจุดได้หลายตำแหน่งบนแผ่นหลัง และปรับความแรงได้ 5 ระดับ นั่งขับให้รถกดนวดไป ถึงที่หมายสบายตัวพอดีครับ

สำหรับตัวท็อปราคาเกือบ 7 ล้านบาทจะมีออพชันเพิ่มคือ หลังคาพาโนรามิกซันรูฟบานยาวเต็มหลังคา ระบบไฟหน้าแบบ Matrix LED (ปรับทิศทางของลำแสงอัตโนมัติ) พร้อมล้ออัลลอยขนาด 22 นิ้ว เบาะนั่งใช้หนังแท้คุณภาพสูงและปรับระดับด้วยไฟฟ้าได้ 20 ทิศทาง

mp33-3331-a ด้านสมรรถนะการขับขี่ ในภาพรวมนุ่มนวลกว่า“จากัวร์ เอฟ-เพซ”พอสมควรครับ โดยเฉพาะการควบคุมและช่วงล่าง ส่วนเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบ 190 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์ 8 สปีดของ ZF ตีนต้นพุ่ง สัมผัสถึงแรงกระชากเล็กๆ ขณะที่ย่านความเร็วอื่นๆ ถือว่าขุมพลังและเกียร์ตอบสนองได้ดี ส่วนความเร็ว 120 กม./ชม.บนเกียร์สูงสุด รอบเครื่องยนต์จะอยู่แถวๆ 1,900 รอบ

ผมยังชอบทัศนวิสัยการขับขี่ในมุมมองด้านหน้าที่กว้างได้ใจ ตำแหน่งของเสาเอ (A-Pillar) ถูกขยับมาทางด้านข้างให้มากที่สุด พร้อมตัวถังที่ยกสูงก็มองได้ไกล คาดสถานการณ์ล่วงหน้าได้เนิ่นๆ

โครงสร้างตัวถังใช้อะลูมิเนียมเป็นชิ้นส่วนหลัก ส่วนช่วงล่างด้านหน้าแบบปีกนกคู่ หลังแบบอินทิกรัลลิงก์ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา พร้อมเทคโนโลยี Terrain Response โหมดขับขี่แบบอัตโนมัติตามสภาพ ภูมิประเทศและพื้นผิวถนน

อย่างเริ่มออกตัว รถจะแบ่งกำลัง ไปยังล้อหน้า/หลัง เท่ากันที่ 50/50 เพื่อความมั่นใจ แต่หลังจากนั้นจะแปรผันกำลังไปตามสภาพการขับขี่ และที่สุดยอดมากๆคือ สามารถส่งกำลังไปยังล้อคู่หน้าได้ถึง 100% (หลัง 0%) ขณะเดียวกันคนขับจะเลือกล็อกโหมดขับเคลื่อน 4 ล้อ ด้วยตัวเองผ่านหน้าจอทัชสกรีนตรงคอนโซลกลางได้เช่นกัน

728x90-03 การทรงตัวนิ่งแน่นขับได้คล่องแคล่วมั่นใจ และเสริมด้วยระบบความปลอดภัย เช่น ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติพร้อมการตรวจสอบคนเดินถนน และระบบควบคุมความเร็วรถแบบแปรผัน พร้อมฟังก์ชันหยุดและออกตัวอัตโนมัติ และระบบแจ้งเตือนระยะห่างจากรถคันหน้า

อัตราบริโภคนํ้ามันเฉลี่ย “เรนจ์ โรเวอร์ เวลาร์” เคลมไว้ 18 กม./ลิตร ส่วนการขับจริงของผมเห็นตัวเลขประมาณ 7 ลิตร/100 กม. หรือประมาณ 14 กม./ลิตร

รวบรัดตัดความ...กล่าวกันว่า สิ่งที่ทุกคนมีเท่ากันตั้งแต่เกิดคือ “เวลา” แต่เชื่อเถิดครับในเวลาที่มีนั้น ต้นทุนและโอกาสของแต่ละคนก็ต่างกัน ดังนั้นใครที่แสวงหาโอกาสจากต้นทุนที่มีจำกัด แต่สามารถดำเนินชีวิตจนประสบความสำเร็จ แล้ววันหนึ่งอยากให้รางวัลตัวเองด้วยรถยนต์ราคา 6-8 ล้านบาท ก็เหมาะสมดีครับ

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,331 วันที่ 14 - 17 มกราคม พ.ศ. 2561
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว-9