หลังจากที่อินเตอร์เน็ตได้เข้ามามีบทบาทสำคัญต่อมนุษย์ การติดต่อสื่อสารระหว่างบุคคล การค้นหาข้อมูล หรือแม้กระทั่งการชำระเงิน ที่เคยทำในแบบดั้งเดิมก็ได้เปลี่ยนรูปแบบไป อินเตอร์เน็ตสามารถทำให้ผู้คนเชื่อมต่อถึงกันได้อย่างรวดเร็วและกว้างขวาง จึงไม่แปลกนักที่เราจะเห็นสินค้าหลากหลายชนิดย้ายฐานการซื้อขายสินค้าจากตลาดที่ต้องตั้งอยู่บนสถานที่จริง ไปสู่พื้นที่บนโลกอินเตอร์เน็ตมากขึ้น
จากการเคลื่อนย้ายสินค้าไปสู่โลกอินเตอร์เน็ตนี้ ส่งผลให้การซื้อขายสินค้าออนไลน์ หรือ E-Commerce เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย ด้วยสามารถอำนวยความสะดวกสบายได้หลายอย่าง เช่น ในมุมของผู้ซื้อ ผู้ซื้อจะมีตัวเลือกในการแสวงหาสินค้ามากขึ้น สามารถหาข้อมูลเปรียบเทียบสินค้าได้อย่างรวดเร็ว และลดขั้นตอนการส่งสินค้าผ่านคนกลาง ในขณะเดียวกันนั้น ผู้ขายก็มีโอกาสในการแสดงสินค้าไปถึงผู้คนได้กว้างขวางมากขึ้น สามารถเสนอขายสินค้าได้ทุกที่ทุกเวลา และลดภาระการเก็บตุนสินค้าในคลังสินค้าได้ส่วนหนึ่ง เราจึงได้เห็นผู้ประกอบการหลายรายเริ่มผันตัวไปอยู่บนสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) ดังจะเห็นได้จากธุรกิจหลายประเภทที่เน้นการโฆษณาผ่านเว็บไซต์ YouTube, Facebook และแอพพลิเคชัน Line ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างมากในประเทศไทย
นอกเหนือจากเว็บไซต์และแอพพลิเคชันที่ได้กล่าวไปข้างต้น ยังมีอีกแอพพลิเคชัน
หนึ่งที่กำลังมีอิทธิพลเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ นั้นคือ แอพพลิเคชัน WeChat ที่พัฒนาโดยบริษัทเทคโนโลยีสัญชาติจีน Tencent Holdings Ltd. โดยในปัจจุบัน บริษัท Tencent มีมูลค่ากิจการสูงถึง 5.23 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มากกว่า Facebook ที่มีมูลค่ากิจการ 5.22 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และ Alibaba ที่มีมูลค่ากิจการ 4.74 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งถือว่าก้าวขึ้นสู่การเป็น 1 ใน 5 ของบริษัทด้านเทคโนโลยีชั้นนำของโลกไปโดยปริยาย แต่ยังคงตามหลัง Apple, Alphabet, Microsoft และ Amazon ตามลำดับ
จากการสำรวจข้อมูลเมื่อเดือนกันยายน 2560 บริษัท Tencent ระบุว่า แอพพลิเคชัน WeChat มีตัวเลขผู้ลงชื่อเข้าสู่ระบบ (Log-in) มากถึง 902 ล้านคนทั่วโลกต่อวัน เพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ในขณะเดียวกัน บริษัทวิจัยทางการตลาดบนโลกดิจิตอล eMarketer ก็คาดการณ์ว่า ในปีนี้จำนวนผู้ใช้ WeChat ในจีนจะมีมากถึง 494.3 ล้านคน ซึ่งถือว่ามีความนิยมสูงเป็นอันดับ 1 ของแอพพลิเคชันรับส่งข้อความที่ใช้ในจีน แอพพลิเคชันนี้จึงมีบทบาทสำคัญอย่างมากในการเข้าถึงผู้บริโภคชาวจีน และเป็นโอกาสที่ดีของผู้ประกอบการไทยที่จะใช้เครื่องมือดังกล่าวในการโฆษณาสินค้าที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นชาวจีนผ่านแอพพลิเคชันนี้
ในปัจจุบัน ผู้ประกอบการไทยสามารถผลิตสินค้าและบริการได้ในเกือบทุกสาขาอุตสาหกรรม ตั้งแต่อุตสาหกรรมเบา เช่น เกษตรกรรม อาหาร สุขภาพและความงาม แฟชั่น เครื่องใช้ไฟฟ้า ไปจนอุตสาหกรรมหนัก แต่เมื่อพิจารณาจากความเหมาะสมที่จะโฆษณาสินค้าและบริการผ่านแอพพลิเคชัน WeChat นั้น ผู้ประกอบการไทยต้องเน้นโฆษณาสินค้าที่พร้อมสำหรับการบริโภคได้ในทันที ได้แก่ สินค้าและบริการประเภทอาหารสำเร็จรูป เครื่องประดับ บริการทางสุขภาพและความงาม สปา ร้านอาหาร เป็นต้น ซึ่งสินค้าเหล่านี้ของไทยได้รับความนิยมสูงจากผู้บริโภคชาวจีน ทั้งนี้ สินค้าไทยที่เข้าข่ายเหมาะกับการโฆษณาผ่านแอพพลิเคชัน Wechat และมีมูลค่าส่งออกไปยังจีนสูงในลำดับต้นๆ ได้แก่ สินค้า ประเภทอัญมณีและเครื่องประดับ ผักผลไม้และถั่วที่ปรุงสำเร็จ และอาหารปรุงสำเร็จ ซึ่งมีมูลค่ารวมกันถึง 12,719 ล้านบาท
การโฆษณาสินค้าให้ตรงกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจนั้นมีความจำเป็นเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของการโฆษณาก็คือการเลือกใช้ช่องทางการสื่อสารที่เหมาะสม หากผู้ประกอบการไทยได้เรียนรู้วิธีการโฆษณาผ่านแอพพลิเคชัน WeChat ควบคู่ไปกับแอพพลิเคชันอื่นแล้ว ก็ย่อมสามารถขยายโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าชาวจีนได้เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน ทั้งนี้ ผู้ประกอบการไทยควรศึกษาเรื่องกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง และเรื่องระบบการขนส่งสินค้าภายในจีนด้วย ซึ่งทั้งหมดสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้จากศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน www.thaibizchina.com
พบกับอัพเดตความเคลื่อนไหวและโอกาสในตลาดต่างประเทศที่สถานทูตไทยทั่วโลกตั้งใจติดตามมาให้ภาคเอกชนไทยได้ที่เว็บไซต์ www.globthailand.com หากมีข้อคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะเพิ่มเติม สามารถเขียนมาคุยกันได้ที่
[email protected]
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,331 วันที่ 14 - 17 มกราคม พ.ศ. 256
