ไอยราวาณิชย์รุกลงทุน โกดัง-รง.รับกระแสอีอีซี
“ไอยราวาณิชย์” มั่นใจโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ ดันตลาดอสังหาริมทรัพย์ขาขึ้น เตรียมเปิดบริษัทลูกรับออกแบบตกแต่งใหม่ในเครือ ปูพรมรุกตลาด เปิดตัวอย่างเป็นทางการ ม.ค. 61 ตั้งเป้ายอดขายทะลุ 100 ล้านบาท
นายพชร วีระพันธ์ กรรมการบริหาร บริษัท ไอยราวาณิชย์ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานของบริษัทในปี 2561 ว่าได้เตรียมเปิดตัวบริษัทลูกวัตถุประสงค์หลักเพื่อแยกหน้าที่การบริการให้ชัดเจนกับบริษัทแม่ โดยบริษัทใหม่นี้จะทำหน้าที่รับออกแบบและตกแต่งโครงการต่างๆ อย่างครบวงจร ในคอนเซ็ปต์ “Build to Build” โดยเฉพาะในส่วนของโรงงาน โกดังต่างๆที่จะมีแบบให้ลูกค้าได้เลือกหลากหลาย โมเดลแบบชัดเจน ขณะที่บริษัทแม่อย่างไอยราวาณิชย์จะทำหน้าที่ซัพพลายงานโครงสร้างเหล็กสำเร็จรูปเพียงอย่างเดียว โดยเบื้องต้นนั้นอยู่ระหว่างดำเนินการจดทะเบียนบริษัทลูก คาดการณ์ว่าจะสามารถเปิดตัวได้อย่างเป็นทางการในปลายเดือนมกราคม 2561 นี้
นอกจากนี้แผนการดำเนินงานของบริษัทจะให้ความสำคัญกับการขยายสาขาเพิ่มอีก 1 สาขา ที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เนื่องจากโซนดังกล่าวมีจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างมาก จากปัจจุบันมีสาขาอยู่ที่กรุงเทพ มหานครเท่านั้น รวมถึงจะเพิ่มตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการอย่างน้อย 5 ราย เนื่องจากความต้องการใช้โครงสร้างเหล็กสำเร็จรูปมีเพิ่มขึ้น
“โดยภาพรวมตลาดน่าจะมีการเติบโตเฉลี่ยปีละ 10-15% จากมูลค่าตลาดรวม 1,000 ล้านบาท ขณะที่ในส่วนของการสร้างแบรนด์จะเน้นสื่อสารไปยังกลุ่มลูกค้าในส่วนของงานโครงสร้างเหล็กที่เป็นระบบใหม่ที่มีคุณภาพในระดับสากล แม้จะมีราคาเฉลี่ยสูงกว่าคู่แข่งประมาณ 10-15% แต่ยังเชื่อมั่นว่าจากคุณภาพและความคงทนแข็งแรง ประกอบกับการรับประกันโครงสร้าง 3 ปีจะทำให้ลูกค้าเกิดความเชื่อมั่นและสามารถสร้างการเติบโตได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้”
นายพชรกล่าวอีกว่า ทั้งนี้การแข่งขันในธุรกิจด้านโครงสร้างเหล็กสำเร็จรูปไม่ว่าจะเป็นจากแบรนด์ในประเทศและต่างประเทศนั้นมีการทำตลาดโดยตรงในไทยเพียง 2-3 รายเท่านั้น ทำให้การแข่งขันไม่รุนแรงมากนัก แต่บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถขยายตลาดได้ เนื่องมาจากการเข้ามาของโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ (EEC) ที่จะทำให้เกิดโซนอุตสาหกรรมใหม่ขึ้น บวกกับการลงทุนสนับสนุนในโครงการลงทุนโรงงาน แวร์เฮาส์ และศูนย์ขนส่ง (Logistic) ต่างๆที่จะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน ผู้ประกอบการทั้งไทยและต่างชาติให้เข้ามาลงทุนจะผลักดันให้ตลาดงานโครงการมีทิศทางการเติบโตที่ดีขึ้น
อย่างไรก็ตามในปีที่ผ่านมาบริษัทมียอดขาย 80 ล้านบาท หรือมีอัตราเติบโต 20-30% ต่อปี ทั้งนี้มั่นใจว่าในปี 2561 จะสามารถสร้างยอดขายทะลุ 100 ล้านบาทได้เป็นผลสำเร็จ แบ่งเป็นยอดขายที่มาจากบริษัทแม่ไอยราวาณิชย์ 50 ล้านบาท และบริษัทลูกที่กำลังจะเปิดตัวในต้นปี 2561 อีก 50 ล้านบาท
“ความจริงแล้วสถานการณ์ในปี 2560 มีลูกค้าเข้ามาติดต่อเจรจางานกับบริษัทจำนวนมากกว่า 50 ราย แต่เนื่องมาจากลูกค้าส่วนหนึ่งรอทิศทางของเศรษฐกิจ ขณะที่อีกส่วนหนึ่งยังไม่จบขั้นตอนของการเจรจาการลงทุน ซึ่งในส่วนของบริษัทเองได้เตรียมปิดดีลกับลูกค้า 4 โครงการ มีตั้งแต่โครงการระดับหลัก 1-6 ล้านบาท จึงมั่นใจว่าทิศทางตลาดอสังหาริมทรัพย์และงานโครงเหล็กในปีที่ผ่านมาจะส่งผลดีต่อเนื่องถึงปี 2561” นายพชรกล่าว
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,330 วันที่ 11 - 13 มกราคม พ.ศ. 2561
นายพชร วีระพันธ์ กรรมการบริหาร บริษัท ไอยราวาณิชย์ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานของบริษัทในปี 2561 ว่าได้เตรียมเปิดตัวบริษัทลูกวัตถุประสงค์หลักเพื่อแยกหน้าที่การบริการให้ชัดเจนกับบริษัทแม่ โดยบริษัทใหม่นี้จะทำหน้าที่รับออกแบบและตกแต่งโครงการต่างๆ อย่างครบวงจร ในคอนเซ็ปต์ “Build to Build” โดยเฉพาะในส่วนของโรงงาน โกดังต่างๆที่จะมีแบบให้ลูกค้าได้เลือกหลากหลาย โมเดลแบบชัดเจน ขณะที่บริษัทแม่อย่างไอยราวาณิชย์จะทำหน้าที่ซัพพลายงานโครงสร้างเหล็กสำเร็จรูปเพียงอย่างเดียว โดยเบื้องต้นนั้นอยู่ระหว่างดำเนินการจดทะเบียนบริษัทลูก คาดการณ์ว่าจะสามารถเปิดตัวได้อย่างเป็นทางการในปลายเดือนมกราคม 2561 นี้
“โดยภาพรวมตลาดน่าจะมีการเติบโตเฉลี่ยปีละ 10-15% จากมูลค่าตลาดรวม 1,000 ล้านบาท ขณะที่ในส่วนของการสร้างแบรนด์จะเน้นสื่อสารไปยังกลุ่มลูกค้าในส่วนของงานโครงสร้างเหล็กที่เป็นระบบใหม่ที่มีคุณภาพในระดับสากล แม้จะมีราคาเฉลี่ยสูงกว่าคู่แข่งประมาณ 10-15% แต่ยังเชื่อมั่นว่าจากคุณภาพและความคงทนแข็งแรง ประกอบกับการรับประกันโครงสร้าง 3 ปีจะทำให้ลูกค้าเกิดความเชื่อมั่นและสามารถสร้างการเติบโตได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้”
นายพชรกล่าวอีกว่า ทั้งนี้การแข่งขันในธุรกิจด้านโครงสร้างเหล็กสำเร็จรูปไม่ว่าจะเป็นจากแบรนด์ในประเทศและต่างประเทศนั้นมีการทำตลาดโดยตรงในไทยเพียง 2-3 รายเท่านั้น ทำให้การแข่งขันไม่รุนแรงมากนัก แต่บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถขยายตลาดได้ เนื่องมาจากการเข้ามาของโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ (EEC) ที่จะทำให้เกิดโซนอุตสาหกรรมใหม่ขึ้น บวกกับการลงทุนสนับสนุนในโครงการลงทุนโรงงาน แวร์เฮาส์ และศูนย์ขนส่ง (Logistic) ต่างๆที่จะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน ผู้ประกอบการทั้งไทยและต่างชาติให้เข้ามาลงทุนจะผลักดันให้ตลาดงานโครงการมีทิศทางการเติบโตที่ดีขึ้น
อย่างไรก็ตามในปีที่ผ่านมาบริษัทมียอดขาย 80 ล้านบาท หรือมีอัตราเติบโต 20-30% ต่อปี ทั้งนี้มั่นใจว่าในปี 2561 จะสามารถสร้างยอดขายทะลุ 100 ล้านบาทได้เป็นผลสำเร็จ แบ่งเป็นยอดขายที่มาจากบริษัทแม่ไอยราวาณิชย์ 50 ล้านบาท และบริษัทลูกที่กำลังจะเปิดตัวในต้นปี 2561 อีก 50 ล้านบาท
“ความจริงแล้วสถานการณ์ในปี 2560 มีลูกค้าเข้ามาติดต่อเจรจางานกับบริษัทจำนวนมากกว่า 50 ราย แต่เนื่องมาจากลูกค้าส่วนหนึ่งรอทิศทางของเศรษฐกิจ ขณะที่อีกส่วนหนึ่งยังไม่จบขั้นตอนของการเจรจาการลงทุน ซึ่งในส่วนของบริษัทเองได้เตรียมปิดดีลกับลูกค้า 4 โครงการ มีตั้งแต่โครงการระดับหลัก 1-6 ล้านบาท จึงมั่นใจว่าทิศทางตลาดอสังหาริมทรัพย์และงานโครงเหล็กในปีที่ผ่านมาจะส่งผลดีต่อเนื่องถึงปี 2561” นายพชรกล่าว
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,330 วันที่ 11 - 13 มกราคม พ.ศ. 2561
