5 แนวโน้ม ตลาดเงินดิจิตอลปี2561

14 ม.ค. 2561 | 10:26 น.
หลังจากที่ “บิตคอยน์” (bitcoin) ทำสถิติราคาพุ่งในช่วงไม่กี่สัปดาห์ก่อนสิ้นปี 2560 จนเป็นที่โจษจันกันในวงกว้างประกอบกับการเปิดให้มีการซื้อขายล่วงหน้าบิตคอยน์ กันได้ในตลาดซื้อขายล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์ชิคาโก ยิ่งทำให้มีการจับตามองมากขึ้นว่า สกุลเงินดิจิตอลดังกล่าวนี้จะมีความคุ้มค่าน่าลงทุนมากน้อยเพียงใด นอกจากบิตคอยน์แล้ว เงินดิจิตอลสกุลอื่นก็มีราคาขยับสูงขึ้นเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ทั้งนักลงทุนและนักวิเคราะห์ จำนวนมากเชื่อว่า ปี 2561 นี้ ไม่ใช่ปีทองของสกุลเงินดิจิตอลอีกต่อไป ราคาที่พุ่งสูงอาจจะร่วงวูบเหมือนดาว ตก เนื่องจากมีแนวโน้มที่ภาครัฐจะเข้ามาควบคุมมากขึ้น แต่สถาบัน การเงินจำนวนไม่น้อยแสดงท่าทีว่าจะเข้าไปศึกษาและลงทุนในบิตคอยน์มากขึ้นเป็นการชิมลาง และเราอาจจะได้เห็นการทำ IPO ของหลักทรัพย์ที่มีความเกี่ยวโยงกับสกุลเงินดิจิตอลมากขึ้นด้วย

และต่อไปนี้คือ 5 แนวโน้มเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิตอล (cryptocurrencies) ที่คาดว่าน่าจะเกิดขึ้นในปี 2561 นี้ โดยเป็นการคาดการณ์จากการประมวลความคิดเห็นจากการสัมภาษณ์ทั้งนักลงทุนและนักวิเคราะห์ในสหรัฐอเมริกา

TP10-3330-1 1) นักลงทุนในรูปสถาบันจะเข้ามาลงทุนในสกุลเงินดิจิตอลมากขึ้น และจะมีผลิตภัณฑ์การเงินที่เกี่ยวข้องกับเงินดิจิตอลออกใหม่มาเพื่อจูงใจนักลงทุนมากขึ้นด้วย นอกเหนือจากบริษัท CME และ Cboe ที่ได้รับอนุญาตในสหรัฐอเมริกาให้ทำการซื้อขายล่วงหน้าผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่องกับบิตคอยน์แล้ว สถาบันอื่นๆ เช่น แนสแดก (ซึ่งเป็นตลาดหลัก ทรัพย์แห่งที่ 2 ในสหรัฐฯ) ก็มีแผนจะออกอนุพันธ์การเงินที่เกี่ยวเนื่องกับสกุลเงินดิจิตอลมาให้ลงทุนกัน นอกจากนี้นักวิเคราะห์ยังคาดหมายว่า รัฐบาลจะอนุญาตให้บรรดากองทุนเพื่อการลงทุนสามารถซื้อขายบิตคอยน์ภายในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ หรือต้นปีหน้า ซึ่งจะเปิดโอกาสให้มีผู้ลงทุนในรูปสถาบันเข้ามาร่วมวงในเรื่องนี้กันมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การคาดเดาดังกล่าวยังไม่ได้รับการตอบยืนยันจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (เอสอีซี)

2) จะมีการควบคุมมากขึ้น และนั่นก็จะทำให้ราคาบิตคอยน์ร่วงลงมา อย่างน้อยการควบคุมในเบื้องต้นคือการจำกัดไม่ให้มีการปั่นราคาสกุลเงินดิจิตอลเพื่อการเก็งกำไร ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เอสอีซี ได้ออกมาเตือนนักลงทุนถี่ขึ้นเกี่ยวกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการลงทุน หรือที่หลายคนเรียกว่า การ “ขุดเหมือง” เงินดิจิตอล และยังระงับการซื้อขายหุ้นของบริษัทบางรายที่ออกมาโฆษณาเกี่ยวกับเงินดิจิตอลเป็นการชั่วคราว การควบคุมที่เข้มงวดมากขึ้นจะเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ราคาของสกุลเงินดิจิตอลปรับลดลงมา ยกตัวอย่างเมื่อตอนที่รัฐบาลจีนสั่งห้ามการระดมทุนองค์กรธุรกิจด้วยบิตคอยน์เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ราคาบิตคอยน์ก็ร่วงลงทันทีกว่า 2,000 ดอลลาร์ ทั้งนี้ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ราคาของบิตคอยน์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสกุลเงินดิจิตอลที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ได้ขยับขึ้นไปมากกว่า 1,500% สู่ระดับเกือบๆ 16,200 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อหน่วย แต่ตอนนี้ราคาปรับลดลงมาแล้ว 18% เมื่อเทียบกับช่วงสูงสุดกลางเดือนธันวาคมที่ผ่านมา (ซึ่งตอนนั้นขึ้นไปสูงถึง 19,800 ดอลลาร์ต่อหน่วย) เงินดิจิตอลสกุลอื่นๆที่ได้รับความนิยมน้อยกว่ายังได้อานิสงส์ ปรับราคากันในระดับอัตรา 100% ขึ้นไปเช่นกัน ทำให้ตลาดซื้อขายสกุลเงินดิจิตอลโดยรวมมีมูลค่าสูงถึง 770,000 ล้านดอลลาร์ (สถิติจากบริษัท คอยน์มาร์เก็ตแคปฯ)

3) ความผันผวนสูง และเสี่ยงมาก นายอารี พอล หัวหน้าฝ่ายการลงทุนสกุลเงินดิจิตอล บริษัท บล็อคทาวเวอร์ แคปปิตอลฯ พยากรณ์ว่าในปี 2561 นี้ ราคาบิตคอยน์อาจจะซื้อขายกันที่ราคา ตํ่าสุดและสูงสุดที่ 4,000 ดอลลาร์ต่อหน่วย หรือ 30,000 ดอลลาร์ต่อหน่วย โดยปัจจัยที่จะทำให้ราคาสูงขึ้นนั้น ขึ้นอยู่กับการคาดหวังหรือการวางเดิมพันการลงทุนกับผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นในตลาดเงินดิจิตอล ส่วนปัจจัยที่จะเป็นอุปสรรคนั้น นอกจากการออก มาตรการควบคุมแล้ว ยังมีเรื่องของค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมบิตคอยน์และเรื่องของความรวดเร็ว

4) เป็นที่คาดหมายว่าราคาบิตคอยน์จะคงตัว ขณะที่ราคาสกุลเงินดิจิตอลอื่นๆ ปรับสูงขึ้น ดังจะเห็นแนวโน้มที่เกิดขึ้นแล้วในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยขณะที่ราคาบิตคอยน์ปรับลดลงและทรงตัว ราคาสกุลเงินดิจิตอลอื่นๆ อาทิ ริพเพิล (ripple) สเตลลาร์ (stellar) และทรอน(tron) ได้ปรับขึ้นมาจนติดอันดับเงินสกุลดิจิตอลสกุลใหญ่ที่สุด (คิดตามมูลค่ารวมของตลาด)

“ปีที่แล้วเราจะเห็นว่าบิตคอยน์มีอิทธิพลครอบงำตลาดเงินดิจิตอล แต่ปีนี้แนวโน้มเปลี่ยนไป ตอนนี้การซื้อขายเงินดิจิตอลครึ่งหนึ่งของทั้งหมดไม่ใช่สกุลบิตคอยน์” เอริค ฟัวรีส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เชปชิฟท์ฯ ตัวแทนซื้อขายสินทรัพย์ดิจิตอล ให้ความเห็น แต่บิตคอยน์จะยังคงเป็นที่ยอมรับในฐานะเงินดิจิตอลสกุลที่ได้รับความนิยมมาก่อนและถูกใช้เป็นเกณฑ์อ้างอิงโดยผู้ลงทุนหน้าใหม่

และสุดท้าย แนวโน้มที่ 5) คือ ผู้ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์อาจจะได้เห็นการขายหุ้น IPO (การขายหุ้นสู่สาธารณชนเป็นครั้งแรก) ของหลักทรัพย์ที่มีความเกี่ยวโยงกับสกุลเงินดิจิตอลกันมากขึ้นในปีนี้ เนื่องจากความสนใจของนักลงทุน (ในสกุลเงินดิจิตอล) มีมากขึ้น หลายบริษัทสามารถทำรายได้มหาศาลจากการทำธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับสกุลเงินเหล่านี้ อาทิ บริษัท คอยน์เบส (Coinbase) ในสหรัฐฯ สามารถทำเงินถึง 1,600 ล้านดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา และเผยแผนว่าอาจจะทำ IPO ในปี 2561 นี้

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,330 วันที่ 11 - 13 มกราคม พ.ศ. 2561
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว-9