‘คลัง-ธปท.’ สั่งจับตา!‘บล.ฟิลลิป’ เปิดเทรดบิตคอยน์ หวั่นตุ๋นปชช. - ฟอกเงิน

09 ม.ค. 2561 | 04:40 น.
กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย สั่งตลาดหลักทรัพย์ ตรวจสอบบริษัทให้บริการซื้อขายบิตคอยน์ฟิวเจอร์ส หวั่นหลอกลวงประชาชนมาลงทุน และเข้าข่ายผิดกฏหมายฟอกเงิน

--- 9 ม.ค.61 --- จากกรณี บริษัทหลักทรัพย์ฟิลลิปประเทศไทย เปิดให้บริการซื้อขายเงิน บิทคอยน์ฟิวเจอร์ส ผ่านตลาดซื้อขายล่วงหน้าในสหรัฐ 2 ตลาด ได้แก่ ตลาด CBOE และ ตลาด CME โดยเลือกส่งคำสั่งซื้อขายบิทคอยน์ฟิวเจอร์สได้เองแบบเรียลไทม์ผ่านระบบออนไลน์ของบริษัท หรือ ส่งคำสั่งผ่านเจ้าหน้าที่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งถือเป็นที่แรกและที่เดียวในประเทศไทย

นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กล่าวว่า จะเร่งประสานไปยังสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เพื่อตรวจสอบว่า สามารถทำได้ในประเทศไทยหรือไม่ และมีกฎหมายรองรับเพียงใด แต่รัฐบาลขอเตือนให้ผู้สนใจลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลเพิ่มความระมัดระวัง เพราะมีความเสี่ยงสูงและผันผวนมาก อีกทั้งประเทศไทยยังไม่อนุญาตให้เงินสกุลเงินดิจิทัลต่างๆ เป็นเงินที่ใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย

ขณะที่ นางจันทวรรณ สุจริตกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. ยืนยันว่า ไม่เคยรับรองเงินบิทคอยน์เป็นเงินที่ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย และข้อมูลที่บริษัทแผยแพร่น่าจะเป็น การเชิญชวนให้ผู้อ่านเข้าใจผิด คือ การอ้างเป็น บริษัทหลักทรัพย์รายแรกและรายเดียวในประเทศไทยที่สามารถซื้อขาย บิทคอยน์ ได้อย่างถูกต้องตามกฏหมายและได้รับการรับรองจาก ธปท. โดยขณะนี้ กำลังตรวจสอบว่า บริการดังกล่าวเป็นการนำเงินออกไปลงทุนในต่างประเทศตามช่องทางที่เคยอนุญาตไปแล้ว ได้แก่ การลงทุนผ่านสถาบันตัวกลาง คือ บริษัทหลักทรัพย์ในประเทศไทย ที่ทำหน้าที่กลั่นกรองและดูแลให้นักลงทุนได้รับคำแนะนำที่ถูกต้อง ซึ่งจะต้องเป็นนักลง ทุนที่สามารถจะรับความเสี่ยงได้

ด้าน นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ชี้แจงว่า การลงทุนในตลาดซื้อขายบิทคอยน์ที่ถูกกฏหมายในต่างประเทศ เช่น ตลาด CME ของสหรัฐฯ สามารถทำได้ เพราะที่ผ่านมาภาครัฐของไทยสนับสนุนให้ลงทุนในต่างประเทศ โดยไม่ได้จำกัดประเภทสินทรัพย์การลงทุน ซึ่งนักลงทุนจะต้องมีความรู้และรับความเสี่ยงของตัวเองได้

สอดคล้องกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ยืนยันว่า บิทคอยน์ฟฟิวเจอร์ที่ซื้อขายใน 2 ตลาดของสหรัฐมีหน่วยงานกำกับดูแลถูกกฏหมาย ที่บริษัทหลักทรัพย์ไทยสามารถบริการลูกค้าที่ประสงค์จะลงทุนผ่านตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในต่างประเทศได้

ดังนั้นเรื่องที่น่าเป็นห่วงมากกว่าการฉ้อโกงหรือฟอกเงิน แต่คือความเสี่ยงที่มีสูงมาก จากหลายปัจจัย ทั้งความผันผวนของสกุลเงินดิจิทัลที่เป็นสินค้าอ้างอิง รูปแบบผลิตภัณฑ์ที่มีอัตราทดในตัว ทำให้อัตราของผลกำไรขาดทุนสูงกว่าสินค้าอ้างอิง และการต้องเตรียมสภาพคล่องเพื่อรองรับการถูกเรียกหลักประกันเพิ่มรายวัน
โปรโมทแทรกอีบุ๊ก-6-15