ตลท.ชูนวัตกรรมใหม่หนุนตลาดทุนเติบโตยั่งยืนแข่งเวทีโลก

08 ม.ค. 2561 | 11:10 น.
ตลาดหลักทรัพย์ฯ วางกรอบกลยุทธ์ระยะ 3 ปี (2561-2563) ภายใต้ “Towards Sustainable Growth with Innovation” สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยนวัตกรรม พร้อมรักษาความเป็นที่ 1 ในอาเซียน โดยเดินหน้าพัฒนาตลาดทุนเพื่อเป็นประโยชน์ และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับทุกภาคส่วน สอดคล้องกับแผนพัฒนาตลาดทุนและสอดรับกับนโยบายของประเทศ ด้วยแผนกลยุทธ์ 3 ด้าน เริ่มจาก 1) เสริมสร้างความแข็งแกร่งของตลาดทุนไทยด้วยคุณภาพ ผ่านการขยายฐาน บจ. เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ด้วยคุณภาพจากทั้งในและต่างประเทศ พร้อมสร้างวัฒนธรรมการลงทุนผ่าน digital platform ให้เข้าถึงช่องทางความรู้และการออมในระยะยาวเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ 2) สร้างโอกาสการขยายธุรกิจเพื่อการเติบโตในระยะยาว ด้วยการส่งเสริมให้ธุรกิจ Startup และ SMEs เข้าถึงแหล่งเงินทุนด้วย LiVE platform พร้อมเชื่อมโยงการระดมทุนและลงทุนใน CLMV ผ่านไทย 3) พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของตลาดทุน ให้สามารถแข่งขันได้ในระดับสากล เพื่อสอดรับกับสภาพแวดล้อมและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป

[caption id="attachment_248364" align="aligncenter" width="379"] ดร.ชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ ดร.ชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์[/caption]

ดร.ชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การพัฒนาตลาดทุนให้เป็นประโยชน์แก่ทุกภาคส่วน และเติบโตไปพร้อมกันทั้งเศรษฐกิจ สังคม และประเทศชาติ เป็นสิ่งที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยึดเป็นหลักการดำเนินงานต่อเนื่อง โดยมุ่งมั่นเป็นต้นแบบในการดำเนินงานให้เติบโตอย่างยั่งยืนด้วยนวัตกรรม ตามกรอบกลยุทธ์ระยะ 3 ปี (2561-2563) “Towards Sustainable Growth with Innovation” ซึ่งแผนงานในปี 2561 จะมุ่งเน้นเรื่องการสร้างความยั่งยืนโดยการขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม ถือเป็นความท้าทายขององค์กรในยุคดิจิทัลที่นวัตกรรมและเทคโนโลยีมีบทบาทในชีวิตมากขึ้น นอกจากนี้ ยังเดินหน้าแผนกลยุทธ์องค์กรที่สนับสนุนแผนพัฒนาตลาดทุนไทยฉบับล่าสุด เพื่อเป็นกลไกสำคัญในขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ

[caption id="attachment_248365" align="aligncenter" width="374"] นางเกศรา มัญชุศรี นางเกศรา มัญชุศรี[/caption]

นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง และเป็นที่ 1 ในระดับภูมิภาคอาเซียนทั้งด้านสภาพคล่องและคุณภาพบริษัทจดทะเบียน รวมทั้งมีการให้ความรู้แก่ผู้ลงทุนอย่างสม่ำเสมอ จากจุดเปลี่ยนสำคัญทั้งด้านสภาพแวดล้อมที่ผู้ลงทุนมีทางเลือกมากขึ้น และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี จึงเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ เตรียมความพร้อมในการพัฒนาสู่ก้าวต่อไปในอนาคต

โดยในปี 2561 ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงมุ่งพัฒนาตลาดทุนไทยโดยใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ สู่การเป็นตลาดทุนที่เติบโตอย่างมีคุณภาพและยั่งยืนในระยะยาว สามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก เพื่อตอบโจทย์และเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการแก่ผู้ลงทุน และบริษัทจดทะเบียน พร้อมรักษาความเป็นที่ 1 ในอาเซียน ตามแผนกลยุทธ์ 3 ด้าน ในปี 2561 ได้แก่ การเสริมสร้างความแข็งแกร่งของตลาดทุนไทยด้วยคุณภาพ การสร้างโอกาสการขยายธุรกิจเพื่อการเติบโตในระยะยาว และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของตลาดทุน

1) เสริมสร้างความแข็งแกร่งของตลาดทุนไทยด้วยคุณภาพ (Strengthen core exchange business with quality) ได้แก่ ผลักดันบริษัทที่มีคุณภาพทั้งในและต่างประเทศเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ควบคู่ไปกับการให้ความรู้อย่างเข้มข้นก่อนเข้าจดทะเบียน, เพิ่มความเชื่อมั่นผู้ลงทุนโดยมีมาตรการเตือนผู้ลงทุนสำหรับกลุ่ม บจ. ที่มีฐานะเสื่อมถอย, ผลักดันการแก้ไขกฎเกณฑ์ที่เป็นอุปสรรคของผู้ลงทุนสถาบันให้ลงทุนในตลาดหุ้นและตลาดอนุพันธ์ได้สะดวกยิ่งขึ้น, ร่วมมือกับหน่วยงานภาคตลาดทุน ส่งเสริมวัฒนธรรมการลงทุนอย่างสม่ำเสมอแบบ dollar-cost averaging (DCA) ในหุ้นและกองทุนรวม ด้วยการพัฒนาเครื่องมือและช่องทางใหม่ๆ บน digital platform เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการแก่ผู้ลงทุนให้สามารถเข้าถึงช่องทางความรู้และการลงทุนระยะยาว รองรับสังคมผู้สูงอายุ

นกอจากนี้่สนับสนุนการทำงานของสถาบันตัวกลาง โดยพัฒนาศักยภาพและจำนวนบุคลากร ผ่านการให้ความรู้ผู้ประกอบวิชาชีพในตลาดทุน ธนาคารพาณิชย์ และประกันภัย, เสริมสร้างตลาดทุนให้เป็นที่รู้จักกับผู้ลงทุนต่างประเทศต่อเนื่องในรูปแบบ digital roadshow, เพิ่มสภาพคล่องสินค้าเดิม และเพิ่มสินค้าใหม่ทั้งหุ้นและอนุพันธ์ และ พัฒนาตลาดทุนไทยสู่เวทีโลก เป็นเจ้าภาพงานประชุม Association of Futures Market: AFM

ทั้งนี้ ในปี 2561 ตลาดหลักทรัพย์ฯ ตั้งเป้ามูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดเพิ่มขึ้นรวม 550,000 ล้านบาท (จากการระดมทุนเพิ่มของบริษัทจดทะเบียนและหลักทรัพย์จดทะเบียนใหม่) เพิ่มจำนวน บจ. ในดัชนีที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ได้แก่ MSCI และ DJSI รวมถึงเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการกำกับดูแล บจ. โดยจัดกลุ่ม บจ. ที่เข้าข่ายความผิดปกติแล้วเสร็จในไตรมาส 2

2) สร้างโอกาสการขยายธุรกิจเพื่อการเติบโตในระยะยาว (Create business opportunities for long-term growth) โดยขยายโอกาสทางธุรกิจไปยังผู้ประกอบการ Startup และ SMEs ผ่าน LiVE platform ให้เป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้ลงทุนมากขึ้น ควบคู่การให้ความรู้ด้านการเงิน, จัดตั้ง Corporate Venture Capital: CVC ร่วมลงทุนใน Startup และ SMEs ทั้งในและต่างประเทศ และเป็นแหล่งระดมทุนของภูมิภาคโดยทำงานผ่าน G2G กับภาครัฐ เพื่อเชื่อมโยงการระดมทุนและลงทุนในกลุ่มประเทศ CLMV ผ่านตลาดทุนไทยให้บรรลุผลสำเร็จ โดยศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาระบบหลังการซื้อขายหลักทรัพย์ พร้อมส่งเสริมผู้ลงทุนทั้งในและต่างประเทศลงทุนใน CLMV ผ่านตลาดทุนไทย

เป้าหมายในปี 2561 มีผู้ประกอบการ Startup SMEs ลงทะเบียนผ่าน LiVE platform 100 บริษัท และมีมูลค่าการลงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท พร้อมพัฒนา application เพื่อเป็นศูนย์รวมของข้อมูลการต่ออายุของผู้ประกอบวิชาชีพ (professional licensing) รวมถึงส่งเสริมผลิตภัณฑ์ตลาดทุนไทยใน CLMV

3) พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของตลาดทุน (Enhance infrastructure & capability) โดยเตรียมการเพื่อรองรับการให้บริการ T+2 ที่จะเริ่มใช้ 2 มีนาคม 2561, ต่อยอดบริการ payment และ settlement ของระบบ FundConnext ให้ผู้ลงทุนสามารถลงทุนในกองทุนรวมได้หลากหลาย สะดวก และรวดเร็ว, พัฒนา FinNet ตัวกลางการชำระเงินของตลาดทุน เพื่อให้เกิดความสะดวก และมีประสิทธิภาพมากขึ้น, เตรียมความพร้อมเพื่อประเมินระบบตามมาตรฐาน Financial Sector Assessment Program: FSAP ร่วมกับสำนักงาน ก.ล.ต. พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารความเสี่ยงตามกรอบใหม่ของ COSO, เพิ่มประสิทธิภาพระบบ IT ตามมาตรฐานสากล เช่น ทำงานร่วมกับพันธมิตร การนำ Blockchain มาปรับใช้ เพื่อการให้บริการที่มีประสิทธิภาพแก่ผู้ลงทุนและบริษัทจดทะเบียนและพัฒนาศักยภาพบุคลากรในตลาดหลักทรัพย์ฯ และตลาดทุนให้เติบโตไปพร้อมกัน ด้วยการสร้างวัฒนธรรมด้านนวัตกรรมในองค์กรขยายไปยังผู้ร่วมตลาดทุน

เป้าหมายปี 2561 ขยายมาตรฐาน IT security (ISO 27001) ให้ครอบคลุมทุกระบบหลักภายใน 3 ปี พร้อมเริ่มใช้ T+2 ในวันที่ 2 มีนาคม และจะเพิ่มฐานลูกค้า FundConnext ขยายไปยัง บลจ. และ selling agent 30 แห่ง พร้อมเริ่มให้บริการ FinNet ด้วย Intra-bank payment 12 กุมภาพันธ์

สรุปพัฒนาการสำคัญและผลิตภัณฑ์ในตลาดหลักทรัพย์ และความสำเร็จในปี 2560 โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังคงโดดเด่นในระดับภูมิภาคทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ ซึ่งในเชิงคุณภาพ 33 บจ. ไทยได้รับคัดเลือกเข้าคำนวนในดัชนี MSCI Standard Index โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมามีจำนวน บจ. ไทยเพิ่มขึ้นสูงสุดในภูมิภาคอาเซียน, 17 บจ. ไทยได้รับคัดเลือกเข้าคำนวนในดัชนี Dow Jones Sustainability Indices (DJSI) สูงสุดในอาเซียน,

ตลาดหลักทรัพย์ไทยติด Top 10 ตลาดหลักทรัพย์โลก ด้านการเปิดเผยข้อมูลความยั่งยืนของ บจ. จากรายงานวิจัย “Measuring Sustainability Disclosure 2017” โดย Corporate Knights และ AVIVA, 8 บจ. ไทย คว้า 11 รางวัลยอดเยี่ยมด้านนักลงทุนสัมพันธ์ IR Magazine Awards ประจำปี 2560 โดยจำนวน
บจ. ไทยได้รางวัลมากที่สุดในภูมิภาคอาเซียนต่อเนื่องเป็นปีที่ 2, ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยโดดเด่นในระดับสากล ได้รับรางวัล “Best Sustainable Securities Exchange Southeast Asia Emerging Markets 2017” จากวารสาร Capital Finance International (CFI.co) ประเทศอังกฤษ และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย คว้ารางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 2 ประเภท Green Building จากการประกวด ASEAN Energy Awards 2017 และรางวัล Green Office ระดับดีเยี่ยม (G ทอง) ประจำปี 2560 ในโครงการสำนักงานสีเขียว รวมถึงรางวัลดีเด่น ด้านอนุรักษ์พลังงาน ประเภทอาคารสร้างสรรค์เพื่อการอนุรักษ์พลังงาน อาคารใหม่ ในการประกวด Thailand Energy Awards 2017

ในเชิงปริมาณ ได้แก่ ดัชนี SET Index ปิดที่ระดับ 1,753.71 จุด เพิ่มขึ้น 210.77 จุด หรือ 13.66% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2559 โดยมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมของ SET และ mai 17.92 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.62% จากสิ้นปี 2559, สภาพคล่องครองอันดับหนึ่งติดต่อกันตั้งแต่ปี 2555 ในภูมิภาคอาเซียน มูลค่าซื้อขายต่อวัน 50,113.72 ล้านบาท, มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดจากการระดมทุนผ่าน บจ. ใหม่ (IPO) สูงสุดใน ASEAN-5 อยู่ที่ 426,349 ล้านบาท, มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดจากการระดมทุนเพิ่มของ บจ. (Secondary Offering) รวม 215,804 ล้านบาท, ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า 323,732 สัญญา และจำนวนบัญชีเปิดใหม่ในตลาดหุ้นและตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า 148,976 บัญชี ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว