9ทุนรุมตอม‘แหลมฉบัง’ ไทย-เทศประมูลแข่งพีพีพีท่าเรือเฟส3-ยันทีโออาร์คลอดมิ.ย.61

09 ม.ค. 2561 | 03:32 น.
นักลงทุนทยอยตบเท้า เข้าดูลู่ทางลงทุนท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 เผยเบื้องต้นมี 9 รายทั้งในและต่างประเทศ นำโดยจีน สนใจเข้าร่วมประมูลพีพีพี ยันพร้อมออกทีโออาร์ได้ มิ.ย.61 แต่ต้องปรับงบลงทุนเพิ่มใหม่ หลังทบทวนแบบและใช้ระบบอัตโนมัติ

ร.ต.ต.มนตรี ฤกษ์จำเนียร ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า จากที่คณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (กนศ.) มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้เห็นชอบให้โครงการก่อสร้างท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 เป็น 1 ในโครงการเร่งด่วนในการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกหรืออีอีซี โดยให้การลงทุนเป็นไปในรูปแบบการเปิดให้เอกชนร่วมลงทุน(พีพีพี) นั้น ส่งผลให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศให้ความสนใจที่จะเข้ามาร่วมประมูล

โดยที่ผ่านมามีนักลงทุนได้ลงดูพื้นที่ตั้งของโครงการ และสอบถามในรายละเอียดของโครงการจำนวน 9 ราย ประกอบด้วยนักลงทุนจากจีน 5 ราย จากเกาหลี และญี่ปุ่น ประเทศละ 1 ราย และยังมีบริษัทของคนไทยที่จะร่วมยื่นประมูล 1 ราย ซึ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 5 มกราคม ที่ผ่านมา ได้มีนักลงทุนจากประเทศอังกฤษ 1 ราย เข้าเยี่ยมชมพื้นที่ ซึ่งทางท่าเรือก็ได้ชี้แจงข้อมูลให้รับทราบไปแล้ว ทั้งนี้ การที่ทางนักลงทุนอังกฤษให้ความสนใจโครงการนี้ น่าจะเกิดจากทางสหภาพยุโรปได้ประกาศกลับมามีความสัมพันธ์กับไทยอีกครั้ง

TP11-3329-A ส่วนความคืบหน้าในการเปิดประมูลนั้น ขณะนี้การจัดทำรายงานศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ(อีเอชไอเอ) ได้แล้วเสร็จ และส่งให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(สผ.)ไปแล้ว เพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการผู้ชำนาญการ และนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติต่อไป

นอกจากนี้ ยังอยู่ในขั้นตอนการสำรวจ ออกแบบทางวิศวกรรม และศึกษาความเหมาะสมของโครงการ รวมทั้งอยู่ระหว่างการทบทวนแบบรายละเอียดโครงการ เพื่อรองรับการขนส่งตู้สินค้าผ่านทางรถไฟจาก 1 ล้านตู้ต่อปี เพิ่มเป็น 4 ล้านตู้ต่อปี และเพิ่มระบบจัดการขนตู้สินค้าแบบอัตโนมัติเข้ามา ซึ่งจะมีผลทำให้กรอบเงินลงทุนเพิ่มสูงขึ้นจากที่ตั้งไว้ 1.55 แสนล้านบาท ส่วนจะเพิ่มขึ้นเท่าใดนั้น จะต้องรอการศึกษาให้แล้วเสร็จก่อน

ร.ต.ต.มนตรี กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ รายงานความเหมาะสมของโครงการน่าจะแล้วเสร็จในเดือนกุมภาพันธ์ และคาดว่าจะประกาศเชิญชวนเอกชนหรือออกทีโออาร์ได้ในเดือนมิถุนายน 2561 และหลังจากนั้นจะคัดเลือกและเจรจาต่อรองกับเอกชนให้แล้วเสร็จในเดือนกันยายน โดยจะเสนอให้คณะกรรมการนโยบายฯเห็นชอบผลคัดเลือกเอกชน และลงนามสัญญาให้สัมปทานได้ในเดือนตุลาคม 2561และดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จเปิดให้บริการได้ในปี 2568

“โครงการดังกล่าวนี้ รัฐบาลต้องการให้เป็น ประตูสู่เอเชียทางทะเลโดยให้ความสำคัญกับการขยายท่าเรือไปทางด้านตะวันตกของท่าเรือเดิม เพื่อเตรียมพื้นที่สำหรับการพัฒนาในอนาคตประมาณ 100-200 ตารางกิโลเมตร”

สำหรับขีดความสามารถในการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 นี้ จะเป็นท่าเรือชั้นนำติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลกในการขนส่งสินค้า โดยมีเป้าหมายเพิ่มความสามารถในการขนส่งตู้สินค้าจาก 7.7 ล้านตู้ต่อปี เป็น 18.1 ล้านตู้ต่อปี เพิ่มความสามารถในการขนส่งรถยนต์จาก 2 ล้านคันต่อปี เป็น 3 ล้านคันต่อปี เพิ่มสัดส่วนการขนส่งสินค้าผ่านท่าโดยรถไฟจาก 7% เป็น 30 % และลดต้นทุนการขนส่งสินค้าจาก 14% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี) เหลือเพียง 12%หรือช่วยประเทศประหยัดได้ 2.5 แสนล้านบาท

โดยมีแนวทางการพัฒนา ประกอบด้วย การก่อสร้างท่าเรือตู้สินค้า 4 ท่า ความจุ 7 ล้านตู้ต่อปี ก่อสร้างท่าเรือขนส่งรถยนต์ความจุ 1 ล้านคันต่อปี ก่อสร้างท่าเรือชายฝั่ง ความจุ 1 ล้านตู้ต่อปี และก่อสร้างสถานีขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟระยะที่ 2 และปรับปรุงระบบในการรองรับปริมาณตู้สินค้าผ่านท่า ทางรถไฟให้ได้ 4 ล้านตู้ต่อปี

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,329 วันที่ 7 - 10 มกราคม พ.ศ. 2561
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว-9