‘บิ๊กตู่’ ส่งสัญญาณสู้การเมือง
เปิดทำงานวันแรกในศักราชใหม่ ปี 2561 แวดวงการเมืองก็เคลื่อนไหวคึกคักต่อเนื่องทันที เมื่อครม.เรียกประชุมนัดแรก วันพุธที่ 3 มกราคมทันที หลังจากมีพิธีทำบุญตักบาตรและสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์วันขึ้นปีใหม่ในช่วงเช้า หลังการประชุมครม.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ชี้แจงประเด็นข่าวที่ต่อเนื่องจากปลายปีก่อน
ทั้งเรื่องความคืบหน้าการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ว่าไม่ได้นิ่งนอนใจได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) รวบรวมแผนแม่บทคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านต่างๆ ส่งให้กระทรวงตรวจสอบ เพื่อให้คสช. แถลงผลงานใน 1-2 เดือนนี้ว่าจะ เดินหน้าสู่ประเทศที่มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนได้อย่างไร
ส่วนที่นักการเมืองเสนอให้พรรคใหญ่จับมือกันเพื่อทวงคืนประชาธิปไตยจากทหารนั้น พล.อ.ประยุทธ์ปฏิเสธว่า ถึงจะ มาจากทหารแต่รัฐบาลไม่ใช่ทหาร เพราะออกมา 3 ปีแล้ว เป็นการสร้างความเกลียดชังให้ทหารหรือไม่ ก่อนโต้ว่า ใครจะจับมือกับใครเป็นสิทธิ ทุกพรรคมีอุดมการณ์ที่ประชาชนยอมรับ มีสมาชิกถูกต้องครบถ้วนก็จบ สังคมรับได้
“ทุกคนเป็นพลเมืองไทยก็ต้องหนุนการเมืองที่ถูกต้อง มีธรรมาภิบาล มีพรรคการเมืองที่มีอุดมการณ์ ใช้จ่ายงบประมาณอย่างคุ้มค่าและประหยัด ตรวจสอบได้โดยกระบวนการยุติธรรม อย่าตัดสินกันเองเลยทุกเรื่อง”
ประการสำคัญ การแถลงข่าวคราวนี้เป็นครั้งแรกที่พล.อ. ประยุทธ์ยอมรับว่าเป็นนักการเมือง “วันนี้ผมต้องเปลี่ยนแปลง เพราะผมไม่ใช่ทหาร เป็นนักการเมืองที่เคยเป็นทหาร มันก็ติดนิสัยทหารอยู่บ้าง แต่ท้ายที่สุดคือประชาชน ไม่ใช่ประชาชนของผม ไม่ใช่ของพรรคการเมืองไหน แต่เป็นพลเมืองของประเทศไทย”
จากก่อนหน้านี้ที่พล.อ. ประยุทธ์ยืนยันเสียงแข็งตลอดมาว่า ตนไม่ใช่นักการเมือง การเข้ามาอยู่ในตำแหน่งหัวหน้าคสช.และนายกรัฐมนตรี เพื่อยุติภาวะรัฐล้มเหลว เป็นคนกลางเข้ามาระงับความขัดแย้งแตก แยกของขั้วขัดแย้ง และวางราก ฐานประเทศก่อนกลับสู่รัฐบาลจากการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยต่อไป
ทั้งที่ทันทีที่รับเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหารของประเทศ ก็มีสถานะเป็นข้าราชการการเมืองทันที
รวมทั้งจากกลไกและโครงสร้างการเมืองตามรัฐธรรมนูญใหม่ที่ถูกออกแบบให้เอื้อต่อคสช.ที่จะกำกับทิศทางการเมืองหลังเลือกตั้งใหม่ ผ่านส.ว.ที่มีครึ่งหนึ่งของส.ส.และมีอำนาจร่วมโหวตเลือกนายกฯ การจัดวางยุทธศาสตร์ชาติ การปฏิรูปประเทศ และนโยบายขับเคลื่อนประเทศไทย 4.0 นั้น นักการเมืองมองเห็นว่าล้วนเป็น “วิถีการ เมือง” ทั้งสิ้น
ขณะที่วันถัดมาพฤหัสบดีที่ 4 มกราคม พล.อ.ประยุทธ์ จัดงานพบปะสื่อมวลชนประจำทำเนียบ และร่วมรับประทานอาหารในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ โดยยํ้าว่ารัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศไม่ได้มุ่งหวังอำนาจ แต่มุ่งทำงานให้ประเทศชาติแก้ไขปัญหาประชาชน ต้องร่วมมือกันทำให้บ้านเมืองปลอดภัยมีเสถียรภาพ
“สิ่งที่สำคัญต้องปฏิรูปประเทศให้เดินหน้าต่อไป โดยเฉพาะในปี 2561 จะเป็นปีแห่งการปฏิรูปประเทศ ไทย รัฐบาลมีนโยบายทำทุกอย่างให้เกิดผลโดยเร็ว แต่ปัญหาหลายอย่างมีความซับซ้อน จำเป็นต้องใช้เวลาในการทำงาน ซึ่งทุกคนต้องรับผิดชอบร่วมกัน ให้ช่วยกัน ทำวันนี้ให้ดี เพื่อให้วันข้างหน้าที่ดียิ่งขึ้น”
การออกมาของพล.อ.ประยุทธ์ ตอบรับสถานภาพเป็น “นักการเมือง” อย่างชัดเจนแล้ว
ส่งสัญญาณว่าพร้อมลง “คลุกฝุ่น” ขับเคี่ยวในสมรภูมิการเมืองอย่างเต็มตัวแล้ว เพราะ “จำเป็นต้องใช้เวลาในการทำงาน” ต่อ นับจากนี้ไป
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,329 วันที่ 7 - 10 มกราคม พ.ศ. 2561
ทั้งเรื่องความคืบหน้าการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ว่าไม่ได้นิ่งนอนใจได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) รวบรวมแผนแม่บทคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านต่างๆ ส่งให้กระทรวงตรวจสอบ เพื่อให้คสช. แถลงผลงานใน 1-2 เดือนนี้ว่าจะ เดินหน้าสู่ประเทศที่มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนได้อย่างไร
“ทุกคนเป็นพลเมืองไทยก็ต้องหนุนการเมืองที่ถูกต้อง มีธรรมาภิบาล มีพรรคการเมืองที่มีอุดมการณ์ ใช้จ่ายงบประมาณอย่างคุ้มค่าและประหยัด ตรวจสอบได้โดยกระบวนการยุติธรรม อย่าตัดสินกันเองเลยทุกเรื่อง”
ประการสำคัญ การแถลงข่าวคราวนี้เป็นครั้งแรกที่พล.อ. ประยุทธ์ยอมรับว่าเป็นนักการเมือง “วันนี้ผมต้องเปลี่ยนแปลง เพราะผมไม่ใช่ทหาร เป็นนักการเมืองที่เคยเป็นทหาร มันก็ติดนิสัยทหารอยู่บ้าง แต่ท้ายที่สุดคือประชาชน ไม่ใช่ประชาชนของผม ไม่ใช่ของพรรคการเมืองไหน แต่เป็นพลเมืองของประเทศไทย”
จากก่อนหน้านี้ที่พล.อ. ประยุทธ์ยืนยันเสียงแข็งตลอดมาว่า ตนไม่ใช่นักการเมือง การเข้ามาอยู่ในตำแหน่งหัวหน้าคสช.และนายกรัฐมนตรี เพื่อยุติภาวะรัฐล้มเหลว เป็นคนกลางเข้ามาระงับความขัดแย้งแตก แยกของขั้วขัดแย้ง และวางราก ฐานประเทศก่อนกลับสู่รัฐบาลจากการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยต่อไป
รวมทั้งจากกลไกและโครงสร้างการเมืองตามรัฐธรรมนูญใหม่ที่ถูกออกแบบให้เอื้อต่อคสช.ที่จะกำกับทิศทางการเมืองหลังเลือกตั้งใหม่ ผ่านส.ว.ที่มีครึ่งหนึ่งของส.ส.และมีอำนาจร่วมโหวตเลือกนายกฯ การจัดวางยุทธศาสตร์ชาติ การปฏิรูปประเทศ และนโยบายขับเคลื่อนประเทศไทย 4.0 นั้น นักการเมืองมองเห็นว่าล้วนเป็น “วิถีการ เมือง” ทั้งสิ้น
ขณะที่วันถัดมาพฤหัสบดีที่ 4 มกราคม พล.อ.ประยุทธ์ จัดงานพบปะสื่อมวลชนประจำทำเนียบ และร่วมรับประทานอาหารในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ โดยยํ้าว่ารัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศไม่ได้มุ่งหวังอำนาจ แต่มุ่งทำงานให้ประเทศชาติแก้ไขปัญหาประชาชน ต้องร่วมมือกันทำให้บ้านเมืองปลอดภัยมีเสถียรภาพ
“สิ่งที่สำคัญต้องปฏิรูปประเทศให้เดินหน้าต่อไป โดยเฉพาะในปี 2561 จะเป็นปีแห่งการปฏิรูปประเทศ ไทย รัฐบาลมีนโยบายทำทุกอย่างให้เกิดผลโดยเร็ว แต่ปัญหาหลายอย่างมีความซับซ้อน จำเป็นต้องใช้เวลาในการทำงาน ซึ่งทุกคนต้องรับผิดชอบร่วมกัน ให้ช่วยกัน ทำวันนี้ให้ดี เพื่อให้วันข้างหน้าที่ดียิ่งขึ้น”
การออกมาของพล.อ.ประยุทธ์ ตอบรับสถานภาพเป็น “นักการเมือง” อย่างชัดเจนแล้ว
ส่งสัญญาณว่าพร้อมลง “คลุกฝุ่น” ขับเคี่ยวในสมรภูมิการเมืองอย่างเต็มตัวแล้ว เพราะ “จำเป็นต้องใช้เวลาในการทำงาน” ต่อ นับจากนี้ไป
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,329 วันที่ 7 - 10 มกราคม พ.ศ. 2561
