บลจ.วรรณ แนะลุยหุ้นใหญ่ รับเงินต่างชาติไหลเข้า
บลจ.วรรณ ชี้ แรงขาย LTF ปีนี้ไม่มีนัยต่อดัชนีตลาด มองดัชนีสัปดาห์นี้ปรับตัวขึ้นในกรอบ 1,730-1,770 จุด จากแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติและการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นทั่วโลก แนะลงทุนหุ้นขนาดใหญ่ กองทุนเปิดวรรณ อีควิตี้ฟันด์ (คอร์ปอเรท 14) ONE-EC14 และ กองทุนเปิด วรรณเอเอ็มเซ็ท 50 (1AMSET50)
[caption id="attachment_247240" align="aligncenter" width="335"]
นายมณฑล จุนชยะ[/caption]
นายมณฑล จุนชยะ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า บลจ.วรรณ ประเมินตลาดหุ้นทั่วโลกในสัปดาห์นี้มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นในลักษณะ Sideway Up จากตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญที่จะประกาศในหลายประเทศ โดยคาดว่าจะออกมาแข็งแกร่ง เช่น ดัชนี PMI ภาคการผลิตของทั้งจีนและสหรัฐฯ ที่ได้ประกาศออกมาแล้วขยายตัวมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ และ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะออกมาดีเช่นกัน
สำหรับปัจจัยตลาดประเทศในสัปดาห์นี้นักลงทุนต้องติดตาม รายงานการประชุม FOMC สำหรับการประชุมเดือน ธ.ค. 59 ซึ่งจะประกาศในวันที่ 3 ม.ค. 61 และจะทราบรายละเอียดให้วันที่ 4 ม.ค. 61(ตามเวลาประเทศ) ซึ่งคาดว่ารายงานตัวเลขจะกล่าวถึงแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยฯ ในปี 2561 รวมถึงต้องติดตามความไม่แน่นอนต่อความขัดแย้งของประเทศเกาหลีเหนือ
ขณะที่ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ ดัชนีมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อในกรอบ 1,730 - 1,770 จุด โดยคาดว่าจะยังมีแรงซื้อกลับเข้ามาหลังจากมีการหยุดยาวในช่วงเทศกาลปีใหม่ รวมทั้งได้แรงหนุนจากตลาดหุ้นทั่วโลกที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยมองว่า หุ้นในกลุ่มที่ได้ประโยน์จากปัจจัยภายนอกจะยังคงโดดเด่น อาทิ หุ้นในกลุ่มส่งออก หุ้นกลุ่มยานยนต์ ซึ่งจะส่งผลดีต่อหุ้นที่เกี่ยวข้องกับภาคการบริโภคให้ทยอยปรับตัวเพิ่มขึ้น
“แม้ว่าจะมีแรงขายจากเม็ดเงิน LTF ที่ครบกำหนดอายุที่มีการซื้อในช่วงที่ดัชนี SET อยู่บริเวณ 1,500 – 1,600 จุด เมื่อเทียบกับ SET ในปัจจุบันที่อยู่บริเวณ 1,750 จุด ซึ่งปรับตัวขึ้นมากกว่า 9-17% ซึ่งมีโอกาสขายทำกำไร แต่ผมมองว่าปัจจัยดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดมากนัก จากมุมมองการลงทุนในปีนี้ ที่บริษัทจดทะเบียนยังมีผลประกอบการที่แข็งแกร่งตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ อีกทั้ง คาดว่า ตลาดหุ้นไทยจะมีแรงซื้อเก็งกำไรในกลุ่มธนาคารพาณิชย์และกลุ่มผู้บริโภคในประเทศก่อนการประกาศผลประกอบการของกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี” นายมณฑล กล่าว
นายมณฑล กล่าวเพิ่มเติมว่า การลงทุนในตลาดหุ้นไทยในขณะนี้ บลจ.วรรณ แนะนำให้ลงทุนในหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่ ที่มีโครงสร้างการดำเนินธุรกิจที่ดี ประกอบกับการไหลเข้าของเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ โดยขอแนะนำกองทุนเปิดวรรณ อีควิตี้ฟันด์ (คอร์ปอเรท 14) ONE-EC14 โดยลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่และมีสภาพคล่องสูงบริหารกองทุนเชิงรุกเพื่อสร้างผลตอบแทนให้ชนะเกณฑ์มาตรฐาน (SET TR) จากการคัดเลือกหุ้น (Stock Selection) ซึ่งผลการดำเนินงานที่ผ่านของกองทุนชนะเกณฑ์มาตรฐานได้ทุกๆช่วงปี ทั้ง YTD (ณ 29 ธ.ค.60) 3 ปี 5 ปี กองทุนมีผลการดำเนินงานอยู่ที่ 21.44% 40.14% และ 65.11% ขณะที่ เกณฑ์มาตรฐาน 17.30% 20.84% และ 30.02% ตามลำดับ และ กองทุนเปิด วรรณเอเอ็มเซ็ท 50 (1AMSET50) เน้นลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ภายใต้ดัชนี SET50 และบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานดี ประมาณ 25-30 ซึ่งจะเน้นบริหารกองทุนแบบเชิงรุกเพื่อสร้างผลตอบแทนให้สูงกว่า SET50 Index (เกณฑ์มาตรฐาน) ผลการดำเนินงานที่ผ่านมา YTD (29 ธ.ค.60) 3 ปี และ 5 ปี 20.99% 10.25% และ 10.40 ขณะที่เกณฑ์มาตรฐาน 21.52% 5.41% และ 4.39% ตามลำดับ
[caption id="attachment_247240" align="aligncenter" width="335"]
นายมณฑล จุนชยะ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า บลจ.วรรณ ประเมินตลาดหุ้นทั่วโลกในสัปดาห์นี้มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นในลักษณะ Sideway Up จากตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญที่จะประกาศในหลายประเทศ โดยคาดว่าจะออกมาแข็งแกร่ง เช่น ดัชนี PMI ภาคการผลิตของทั้งจีนและสหรัฐฯ ที่ได้ประกาศออกมาแล้วขยายตัวมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ และ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะออกมาดีเช่นกัน
สำหรับปัจจัยตลาดประเทศในสัปดาห์นี้นักลงทุนต้องติดตาม รายงานการประชุม FOMC สำหรับการประชุมเดือน ธ.ค. 59 ซึ่งจะประกาศในวันที่ 3 ม.ค. 61 และจะทราบรายละเอียดให้วันที่ 4 ม.ค. 61(ตามเวลาประเทศ) ซึ่งคาดว่ารายงานตัวเลขจะกล่าวถึงแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยฯ ในปี 2561 รวมถึงต้องติดตามความไม่แน่นอนต่อความขัดแย้งของประเทศเกาหลีเหนือ
ขณะที่ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ ดัชนีมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อในกรอบ 1,730 - 1,770 จุด โดยคาดว่าจะยังมีแรงซื้อกลับเข้ามาหลังจากมีการหยุดยาวในช่วงเทศกาลปีใหม่ รวมทั้งได้แรงหนุนจากตลาดหุ้นทั่วโลกที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยมองว่า หุ้นในกลุ่มที่ได้ประโยน์จากปัจจัยภายนอกจะยังคงโดดเด่น อาทิ หุ้นในกลุ่มส่งออก หุ้นกลุ่มยานยนต์ ซึ่งจะส่งผลดีต่อหุ้นที่เกี่ยวข้องกับภาคการบริโภคให้ทยอยปรับตัวเพิ่มขึ้น
“แม้ว่าจะมีแรงขายจากเม็ดเงิน LTF ที่ครบกำหนดอายุที่มีการซื้อในช่วงที่ดัชนี SET อยู่บริเวณ 1,500 – 1,600 จุด เมื่อเทียบกับ SET ในปัจจุบันที่อยู่บริเวณ 1,750 จุด ซึ่งปรับตัวขึ้นมากกว่า 9-17% ซึ่งมีโอกาสขายทำกำไร แต่ผมมองว่าปัจจัยดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดมากนัก จากมุมมองการลงทุนในปีนี้ ที่บริษัทจดทะเบียนยังมีผลประกอบการที่แข็งแกร่งตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ อีกทั้ง คาดว่า ตลาดหุ้นไทยจะมีแรงซื้อเก็งกำไรในกลุ่มธนาคารพาณิชย์และกลุ่มผู้บริโภคในประเทศก่อนการประกาศผลประกอบการของกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี” นายมณฑล กล่าว
นายมณฑล กล่าวเพิ่มเติมว่า การลงทุนในตลาดหุ้นไทยในขณะนี้ บลจ.วรรณ แนะนำให้ลงทุนในหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่ ที่มีโครงสร้างการดำเนินธุรกิจที่ดี ประกอบกับการไหลเข้าของเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ โดยขอแนะนำกองทุนเปิดวรรณ อีควิตี้ฟันด์ (คอร์ปอเรท 14) ONE-EC14 โดยลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่และมีสภาพคล่องสูงบริหารกองทุนเชิงรุกเพื่อสร้างผลตอบแทนให้ชนะเกณฑ์มาตรฐาน (SET TR) จากการคัดเลือกหุ้น (Stock Selection) ซึ่งผลการดำเนินงานที่ผ่านของกองทุนชนะเกณฑ์มาตรฐานได้ทุกๆช่วงปี ทั้ง YTD (ณ 29 ธ.ค.60) 3 ปี 5 ปี กองทุนมีผลการดำเนินงานอยู่ที่ 21.44% 40.14% และ 65.11% ขณะที่ เกณฑ์มาตรฐาน 17.30% 20.84% และ 30.02% ตามลำดับ และ กองทุนเปิด วรรณเอเอ็มเซ็ท 50 (1AMSET50) เน้นลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ภายใต้ดัชนี SET50 และบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานดี ประมาณ 25-30 ซึ่งจะเน้นบริหารกองทุนแบบเชิงรุกเพื่อสร้างผลตอบแทนให้สูงกว่า SET50 Index (เกณฑ์มาตรฐาน) ผลการดำเนินงานที่ผ่านมา YTD (29 ธ.ค.60) 3 ปี และ 5 ปี 20.99% 10.25% และ 10.40 ขณะที่เกณฑ์มาตรฐาน 21.52% 5.41% และ 4.39% ตามลำดับ
