‘คาลเท็กซ์ ฮาโวลีน’ตั้งเป้าโต 5-10%

06 ม.ค. 2561 | 01:20 น.
“คาลเท็กซ์ ฮาโวลีน”หวังแชร์ตลาดนํ้ามันเครื่องขยับ-อัตราการเติบโตพุ่งพร้อมจัดทัพ เต็มสูบ ทั้งเจาะกลุ่มรถเก๋ง- ปิกอัพ-จักรยานยนต์

นายชุตินธร ปักเข็ม ผู้จัดการทั่วไปธุรกิจผลิตภัณฑ์นํ้ามันหล่อลื่นประเทศไทย บริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดนํ้ามันหล่อลื่นในปี 2561 ยังคงเติบโต โดยบริษัทตั้งเป้าหมายผลการดำเนินงานไว้ที่ 5-10% เมื่อเทียบกับปี 2560 ซึ่งปัจจัยที่จะมาสนับสนุนประกอบไปด้วย ตลาดรถยนต์ทั้งเก๋งและปิกอัพ มีการเติบโต เช่นเดียวกับตลาดจักรยานยนต์ นอกจากนั้นแล้วภาพรวมเศรษฐกิจที่ดีขึ้นทั้งจากการเปิดเสรีประชาคมอาเซียน, นโยบายรัฐบาลผ่านเมกะโปรเจ็กต์

[caption id="attachment_246763" align="aligncenter" width="503"] ชุตินธร ปักเข็ม ชุตินธร ปักเข็ม[/caption]

ปัจจุบันตลาดนํ้ามันหล่อลื่นในประเทศไทยมีจำนวนประมาณ 600 ล้านลิตร แบ่งเป็นประเภทอุตสาหกรรม 220 ล้านลิตร,ประเภทขนส่งและการพาณิชย์ 140 ล้านลิตร,ประเภทรถส่วนบุคคล 240 ล้านลิตร และนํ้ามันเครื่องรถจักรยานยนต์ประมาณ 100 ล้านลิตร คิดเป็นมูลค่าประมาณ 10,000 ล้านบาท และมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องประมาณ 1-2%

นายชุตินธร กล่าวเพิ่มเติมว่า การแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้บริษัทมีแผนงานด้านสินค้าใหม่ออกมาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ปี 2560 ที่เปิดตัวนํ้ามันหล่อลื่นที่รองรับรถปิกอัพ และรถอเนกประสงค์ ส่วนปลายปีได้แนะนำสินค้าใหม่ที่เจาะตลาดรถจักรยานยนต์

“เดิมเราถนัดนํ้ามันหล่อลื่นรถยนต์ ทั้งดีเซล หรือเบนซิน เจาะกลุ่มรถเก๋ง รถปิกอัพ แต่เนื่องจากตลาดรถจักรยานยนต์ถือเป็นตลาดที่มีการเติบโตสูง ดังนั้นเราจึงเปิดสินค้าที่รองรับทั้งแบบ 125 ซีซี และมากกว่า 150 ซีซี ขึ้นไป เราคาดว่าในปี 2561 เราจะเพิ่มแชร์รถจักรยานยนต์เป็น 1%”

นายชุตินธร กล่าวเพิ่มเติมว่า กิจกรรมทางการตลาดจะมุ่งเข้าหาผู้บริโภคมากขึ้น โดยจะมีการจัดกิจกรรม ณ จุดขาย พร้อมทั้งมีโปรโมชันพิเศษ มีการเพิ่มช่องทองการขายให้มากขึ้นเท่าตัว นอกจากนั้นแล้วการสื่อสารตลาดจะเน้นดิจิตอล มาร์เก็ตติ้ง ผ่านโซเชียลมีเดีย ทั้งนี้เพราะพฤติกรรมของลูกค้ามีการปรับเปลี่ยน จากเดิมที่สอบถามข้อมูลผ่านช่าง-ผ่านอู่ และเน้นลดแลกแจกแถม แต่ปัจจุบันการจะเปลี่ยนนํ้ามันเครื่องนั้น ผู้บริโภคจะมีการศึกษาหาข้อมูลผ่านอินเตอร์เน็ต หรือโซเชียล มีเดียมากขึ้น

“เรามีดีลเลอร์รายใหญ่ 9 ราย ซึ่งทั้งหมดนี้จะทำหน้าที่กระจายสินค้าออกไปสู่ผู้บริโภคตามช่องทางต่างๆกว่า 4,000 แห่ง โดยแบ่งออกเป็นอู่ทั่วไป 10% สถานีบริการ 10% และอื่นๆ 80% ซึ่งตามแผนงานที่วางไว้ในปีนี้จะต้องเพิ่มช่องทางเหล่านี้อีกเท่าตัว เช่นเดียวกับกิจกรรมและโปรโมชันก็จะต้องเข้าถึง โดยเราจะเข้าไปให้ความรู้กับนักศึกษา, ช่าง รวมไปถึงลูกค้าเจ้าของอู่ต่างๆ”

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,328 วันที่ 4 - 6 มกราคม พ.ศ. 2561
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว-9