บิ๊กเอพีเอ็ม คาดปีหน้า หุ้นเข้าใหม่ 35-40 บริษัท นักธุรกิจต้องการเข้าตลาดรับมือการแข่งขันดุเดือด นักลงทุนไทยและต่างประเทศสนใจลงทุนไอพีโอมากขึ้น บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ เก็บสถิติบริษัทน้องใหม่ปีนี้ถึงปัจจุบัน ผลตอบแทน เฉลี่ย 21%
ในปี 2561 ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยคาดว่าจะมีหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ไม่ตํ่ากว่า 30 บริษัท คิดเป็นมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดหรือมาร์เก็ตแคปไม่ตํ่ากว่า 2.8 แสนล้านบาท ขณะที่เจ้าพ่อไอพีโอ นายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานกรรมการ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM คาดว่าจะมีหุ้นเข้าใหม่ประมาณ 35-40 บริษัท โดยวงการที่ปรึกษาทางการเงินหวังว่าบริษัท โอสถสภาฯ ที่มีอายุมากกว่า 10 ปี น่าจะจัดโครงสร้างเสร็จพร้อมขายหุ้นภายในปี 2561 หลังจากเลื่อนมาจากปีนี้ คาดระดมทุนประมาณ 6,000-8,000 ล้านบาท
นายสมภพกล่าวว่า ตลาดหุ้นไอพีโอยังคงสดใสต่อเนื่อง ในปี 2561 เฉพาะ APM คาดว่าจะยื่นไฟลิ่งเพื่อเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯจำนวน 6-7 บริษัท แบ่งเป็นบริษัทขนาดใหญ่เข้า SET จำนวน 3 บริษัท เช่น บริษัท นอร์ทอีท รับเบอร์ จำกัด(มหาชน)มียอดขายเกือบ 1 หมื่นล้านบาท เป็นผู้ผลิตยางรถยนต์ขายบริดจสโตน จำนวน 60% ของยอดขายบริษัท ส่วนที่เหลือส่งออกต่างประเทศ ส่วนบริษัทที่ 2 ทำธุรกิจอาหาร ในจังหวัดเชียงใหม่ และบริษัทที่ 3 ทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้างและยางมะตอย
[caption id="attachment_243155" align="aligncenter" width="335"]
นายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม[/caption]
นอกจากนั้น APM ยังจะเป็นที่ปรึกษาทางการเงินของบริษัท Phnom Penh SEZ PLC (PPSP) เพื่อนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแห่งที่ 2 (Secondary market) ในปี2561 หรือต้นปี 2562 แนวโน้มตลาดไอพีโอของไทยยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในตลาดหุ้นประเทศเพื่อนบ้าน ก็เช่นเดียวกัน ตลาดหลักทรัพย์ลาว ตั้งเป้าจะมีหุ้นเข้าใหม่จำนวน 4-5 บริษัทในปีหน้า โดยบริษัท 2 แห่งมีบริษัทหลักทรัพย์ เอพีเอ็มลาว จำกัด (APMLAO) เป็นที่ปรึกษา
นายสมภพกล่าวว่า บริษัทต้องการเข้าตลาดหลักทรัพย์มากขึ้น เพราะการทำธุรกิจในปัจจุบัน ผู้ประกอบการ ทั้งบริษัทขนาดใหญ่และเอสเอ็มอี จะต้องปรับตัว รับมือการแข่งขันทางธุรกิจ หลังการเปิดเสรีการค้าอาเซียนที่มีบริษัทของเพื่อนบ้าน และจีนเข้ามามากขึ้น รวมถึงการเปิดเสรีการค้า ปี 2563 การเข้าตลาดยังเกิดประโยชน์มากมาย นอกจาก เสริมสร้างภาพลักษณ์ และเพิ่มโอกาสในการดำเนินธุรกิจแล้ว ต้นทุนทางการเงินตํ่าลง จากการเสนอขายหุ้นให้ประชาชนทั่วไป การเพิ่มทุนและโอกาสในการเลือกใช้ตราสารทางการเงินต่างๆ
ขณะเดียวกัน นักลงทุนไทยและต่างประเทศ ยังต้องการลงทุนในหุ้นไอพีโอจำนวนมาก ในปีนี้ APM จะนำหุ้นที่จะขาย ไปโรดโชว์ที่ฮ่องกง สิงคโปร์ และมาเลเซียด้วย หลังจากประสบความสำเร็จในการเสนอขายหุ้น บริษัท เอฟเอ็น แฟคตอรี่ เอ๊าท์เลท จำกัด (มหาชน) หรือ FN ที่เสนอขายหุ้นได้เกือบ 10 ล้านหุ้น
นายจรูญพันธ์ วัฒนวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) สรุปหุ้นไอพีโอ ในปี 2560 นับตั้งแต่ต้นปีถึงวันที่ 22 ธันวาคม โดยมีบริษัทเข้า SET จำนวน 20 บริษัท และ mai 16 บริษัท โดยรวม 27 บริษัทอัตราผลตอบแทนเฉลี่ย 21% สัดส่วนราคาต่อกำไรต่อหุ้น (พี/อี) อยู่ที่ 30 เท่าพบว่าบริษัท 16 แห่งที่ราคาหุ้นปรับตัวลงตํ่ากว่าราคาเสนอขายครั้งแรก ยังไม่รวม บริษัท ดู เดย์ ดรีมฯ (DDD) ที่เข้า SET วันที่ 26 ธันวาคมและ บริษัท ซันสวีทฯ (SUN) เทรดวันที่ 28 ธันวาคม
สำหรับหุ้นไอพีโอ แย่ที่สุดคือ บริษัท ไทยมุ้ย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ THMUI หากนักลงทุนที่จองซื้อหุ้นยังไม่ขาย ถึงตอนนี้ขาดทุนถึง 24% ตามด้วย บริษัท แอ็พพลาย ดีบี จำกัด (มหาชน)หรือ ADB และ บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG ให้ผลขาดทุนเท่ากัน 20%
ส่วนบริษัท ซินเนอร์เจติค ออโต้ เพอร์ฟอร์มานซ์ จำกัด (มหาชน)หรือ ASAP ชนะเลิศ แจกกำไรสูงถึง 167% อันดับ2 คือ บริษัท ฮิวแมนิก้า จำกัด (มหาชน) หรือ HUMAN ให้ผลตอบแทน 100% และ บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน)หรือ III แจกกำไร 74%
“แนะนำหุ้นที่น่าติดตาม ศึกษา ที่น่าสนใจสะสมได้แก่ VCOM, JKN ,PORT, ICN ในตลาด mai ส่วนใน SET ได้แก่ CPT, HUMAN, PRM ,III ,INGRS ,TPIPP” นายจรูญพันธ์กล่าว
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,326 วันที่ 28 - 30 ธันวาคม พ.ศ. 2560