พิชิตเป้าหมายเพื่อสุขภาพที่ดีทางการเงิน ในปี 2559
นอกเหนือจากสุขภาพกายที่ดีแล้ว สุขภาพทางการเงินที่แข็งแกร่งมั่นคงเป็นอีกเรื่องที่ทุกคนใฝ่ฝันอยากจะมี ทั้งที่จริงแล้ว การทำตัวเองให้สุขภาพทางการเงินที่ดีสร้างกันได้ ถ้าคุณมุ่งมั่นและตั้งใจจริงซะอย่าง และถ้าคุณไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นบริหารการเงินจากตรงไหนก่อน มาดูคำแนะนำต่อไปนี้กัน แล้วคุณก็จะสามารถเป็นอีกคนหนึ่งที่มีสุขภาพทางการเงินที่ดีได้
1 เริ่มลงทุนเพื่อการเกษียณอายุในอนาคต : วัยรุ่นมักจะมีการเก็บออมเงินได้ดี แต่สำหรับการลงทุนนั้นยังถือว่าหนักเอาการอยู่ ซึ่งคนที่อยู่ในกลุ่ม Gen Y หรือ Millennials โดยเฉลี่ยประมาณ 52 เปอร์เซ็นต์ ชอบที่จะออมเงินเพื่อการเกษียณในรูปแบบของเงินสด มากกว่าการลงทุนในตลาดหุ้น แต่ภาวะเงินเฟ้อจะทำให้มูลค่าของเงินสดลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นปัญหาในอีก 30 ปี นับจากนี้iShares asset allocation strategist Jane Leung บอกว่า “การแบ่งเงินไปลงทุนในหุ้นในระยะยาวจำเป็นในการสู้กับเงินเฟ้อในอนาคต และมั่นใจได้ว่าคุณจะมีเงินเพียงพอที่จะซื้อในสิ่งที่คุณต้องการหลังการเกษียณ”อย่างเช่นในประเทศสหรัฐอเมริกา คนที่มีอายุเข้า 35 ปี ในปี 2558 เฉลี่ย 90 เปอร์เซ็นต์ มีการลงทุนในตลาดหุ้นเพื่อการเกษียณ และ อีก 10 เปอร์เซ็นต์ มีการลงทุนในพันธบัตรหรือหุ้นกู้ ถ้าพวกเขาวางแผนที่จะเกษียณตัวเองตอนอายุ 65 ปี
[caption id="attachment_24550" align="aligncenter" width="503"]
American Life Expectancy Over Time | FindTheData[/caption]
2 มีเครดิตสกอร์หรือระบบการวัดเครดิตที่ดี : ตรงนี้เองจะเป็นดัชนีชี้วัดความตั้งใจชำระหนี้ของผู้กู้ ที่บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ หรือเครดิตบูโร นำมาใช้ ซึ่งคนที่มีคะแนนเครดิต (credit score) ดีจะมีความน่าเชื่อถือและโอกาสที่จะขอกู้เงินหรือสมัครบัตรเครดิตได้สูง ที่กล่าวมานี้ก็ไม่ใช่สนับสนุนให้เป็นหนี้เป็นสินกัน แต่หากมีเหตุจำเป็นจริงๆ การมีต้นทุนทางการเงินไว้ก่อนก็น่าจะดีกว่าไม่มี เช่น ถ้าจำเป็นต้องกู้เงินธนาคาร ก็มีแนวโน้มจะเสียดอกเบี้ยต่ำกว่าและได้วงเงินสูงกว่า ถ้าขอบัตรเครดิตก็จะได้มาอย่างง่ายดาย
3 เปิดโอกาสให้กับงานใหม่ : ถ้าคุณคาดหมายได้ว่าจะมีการย้ายงานใน ปี 2559 นี้ บอกได้เลยว่าเป็นเวลาที่ถูกต้อง เพราะจากการรายงานของ the Jobvite 2015 Job Seeker report บอกว่าเงินเป็นปัจจัยหลักในการย้ายงานหรือมองหาตำแหน่งงานใหม่ นั้นหมายความว่าบางครั้งการเปลี่ยนที่ทำงานเป็นหนทางหนึ่งที่จะทำให้เงินเดือนของคุณสูงขึ้น ยิ่งในยุคที่มีโซเซียลมีเดีย ก็ยิ่งทำให้การหางานใหม่ค่อนข้างง่ายขึ้น เช่นตามเว็บไซต์หางาน เฟสบุ๊ค หรือแม้แต่ LinkedIn
4 ซื้อให้น้อย แต่ทำให้มาก : แทนที่เราจะซื้อของที่ไม่จำเป็น ลองมาจัดรายการ สิ่งไหนจำเป็นต้องซื้อ สิ่งไหนไม่จำเป็นต้องซื้อ และทั้งหมดนี้ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการลงมือทำอย่างจริงจังตั้งแต่ตอนนี้
ที่มา: ibtimes
1 เริ่มลงทุนเพื่อการเกษียณอายุในอนาคต : วัยรุ่นมักจะมีการเก็บออมเงินได้ดี แต่สำหรับการลงทุนนั้นยังถือว่าหนักเอาการอยู่ ซึ่งคนที่อยู่ในกลุ่ม Gen Y หรือ Millennials โดยเฉลี่ยประมาณ 52 เปอร์เซ็นต์ ชอบที่จะออมเงินเพื่อการเกษียณในรูปแบบของเงินสด มากกว่าการลงทุนในตลาดหุ้น แต่ภาวะเงินเฟ้อจะทำให้มูลค่าของเงินสดลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นปัญหาในอีก 30 ปี นับจากนี้iShares asset allocation strategist Jane Leung บอกว่า “การแบ่งเงินไปลงทุนในหุ้นในระยะยาวจำเป็นในการสู้กับเงินเฟ้อในอนาคต และมั่นใจได้ว่าคุณจะมีเงินเพียงพอที่จะซื้อในสิ่งที่คุณต้องการหลังการเกษียณ”อย่างเช่นในประเทศสหรัฐอเมริกา คนที่มีอายุเข้า 35 ปี ในปี 2558 เฉลี่ย 90 เปอร์เซ็นต์ มีการลงทุนในตลาดหุ้นเพื่อการเกษียณ และ อีก 10 เปอร์เซ็นต์ มีการลงทุนในพันธบัตรหรือหุ้นกู้ ถ้าพวกเขาวางแผนที่จะเกษียณตัวเองตอนอายุ 65 ปี
[caption id="attachment_24550" align="aligncenter" width="503"]
2 มีเครดิตสกอร์หรือระบบการวัดเครดิตที่ดี : ตรงนี้เองจะเป็นดัชนีชี้วัดความตั้งใจชำระหนี้ของผู้กู้ ที่บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ หรือเครดิตบูโร นำมาใช้ ซึ่งคนที่มีคะแนนเครดิต (credit score) ดีจะมีความน่าเชื่อถือและโอกาสที่จะขอกู้เงินหรือสมัครบัตรเครดิตได้สูง ที่กล่าวมานี้ก็ไม่ใช่สนับสนุนให้เป็นหนี้เป็นสินกัน แต่หากมีเหตุจำเป็นจริงๆ การมีต้นทุนทางการเงินไว้ก่อนก็น่าจะดีกว่าไม่มี เช่น ถ้าจำเป็นต้องกู้เงินธนาคาร ก็มีแนวโน้มจะเสียดอกเบี้ยต่ำกว่าและได้วงเงินสูงกว่า ถ้าขอบัตรเครดิตก็จะได้มาอย่างง่ายดาย
3 เปิดโอกาสให้กับงานใหม่ : ถ้าคุณคาดหมายได้ว่าจะมีการย้ายงานใน ปี 2559 นี้ บอกได้เลยว่าเป็นเวลาที่ถูกต้อง เพราะจากการรายงานของ the Jobvite 2015 Job Seeker report บอกว่าเงินเป็นปัจจัยหลักในการย้ายงานหรือมองหาตำแหน่งงานใหม่ นั้นหมายความว่าบางครั้งการเปลี่ยนที่ทำงานเป็นหนทางหนึ่งที่จะทำให้เงินเดือนของคุณสูงขึ้น ยิ่งในยุคที่มีโซเซียลมีเดีย ก็ยิ่งทำให้การหางานใหม่ค่อนข้างง่ายขึ้น เช่นตามเว็บไซต์หางาน เฟสบุ๊ค หรือแม้แต่ LinkedIn
4 ซื้อให้น้อย แต่ทำให้มาก : แทนที่เราจะซื้อของที่ไม่จำเป็น ลองมาจัดรายการ สิ่งไหนจำเป็นต้องซื้อ สิ่งไหนไม่จำเป็นต้องซื้อ และทั้งหมดนี้ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการลงมือทำอย่างจริงจังตั้งแต่ตอนนี้
ที่มา: ibtimes