KTBST คาดหุ้นสัปดาห์สุดท้ายกรอบดัชนี 1,730-1,760 จุด

25 ธ.ค. 2560 | 03:10 น.
KTBST คาดหุ้นไทยสัปดาห์สุดท้ายของปี (25-29 ธ.ค. ) การซื้อขายจะลดลงแต่ยังมีเม็ดเงินจากการซื้อ LTF-RMF อยู่ นักลงทุนอาจพิจารณาถือไว้เพื่อรอจังหวะในปีหน้า หรือเข้าเก็งกำไรในหุ้นที่มีแรงซื้อ โดยเฉพาะในหุ้นกลุ่มใหญ่ เช่น PTT , PTTGC , BBL , BH , CPALL คาดกรอบดัชนีฯ สัปดาห์นี้ที่ 1,730-1,760 จุด

[caption id="attachment_244940" align="aligncenter" width="503"] ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์ ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์[/caption]

ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ KTBST ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์สุดท้าย (25-29 ธ.ค.) ของปี 2560 ว่า จากสัปดาห์ที่ผ่านมา SET Index สามารถปรับตัวขึ้นได้จากปัจจัยบวกจากต่างประเทศซึ่งวุฒิสภาสหรัฐฯได้ลงมติรับรองร่างกฎหมายด้วยปฎิรูปภาษีด้วยคะแนนเสียง 51 ต่อ 48 เสียง จึงคาดว่าจากปัจจัยดังกล่าวที่ผ่านไปส่งผลให้ในสัปดาห์นี้นักลงทุนส่วนใหญ่จะทยอยปิดสถานะ (Position) หรือปิดทำการ ส่งผลให้ปริมาณการซื้อขายของตลาดจะลดระดับลง ตลาดอาจผันผวนได้จากผลของปริมาณซื้อขายในแต่ละวันที่ลดลง โดยยังมองว่าตลาดยังมี Upsdie อีกเล็กเล็กน้อย จากแรงซื้อหุ้นส่งท้ายปีของกองทุน LTF-RMF

กลยุทธ์ลงทุน KTBSTประเมินทิศทางตลาดหุ้นหลังปีใหม่ ว่าดัชนีฯมีโอกาสเดินหน้าต่อ ขึ้นไปยืนเหนือ 1,750 จุด การที่เห็นแรงขายทำกำไรช่วงปลายสัปดาห์ก่อนน่าจะเป็นราคาหุ้นบางตัว เช่น พลังงาน ธนาคาร ค้าปลีก ที่ปรับขึ้นมามากและแตะจุดสูงของเดือนก่อนที่ 1,730 จุด จึงมีการขายทำกำไรช่วงสั้นเข้ามา ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนสัปดาห์สุดท้ายของปี 2560 การเคลื่อนไหวของราคาหุ้นจะไม่มาก จะเหมาะกับการถือหุ้นไว้มากกว่า หรือเข้าเก็งกำไรในหุ้นที่จะมีแรงซื้อส่งท้ายปี
สำหรับ หุ้น Top picks ประจำสัปดาห์นี้ 2 ตัว คือ ADVANC และ SPALI ส่วนหุ้นขนาดใหญ่ของแต่ละกลุ่มที่คาดจะมีแรงซื้อเข้า ประกอบด้วย PTT , PTTGC , BBL , BH , CPALL ขณะที่หุ้นกลุ่มอื่นๆ ที่มีประเด็นบวกและราคาอยู่ในระดับที่น่าสนใจ ประกอบด้วย SEAFCO, BH และ SINGER คาดกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีฯ สัปดาห์นี้ที่ 1,730-1,760 จุด

ปัจจัยที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ได้แก่ กฎหมายปฏิรูปภาษีสหรัฐฯที่สามารถผ่านที่ประชุมวุฒิสภาไปได้แล้ว ซึ่งปัจจุบันเรื่องอยู่ระหว่างการนำส่งให้ประธานาธิบดี ทรัมป์ เราคาดว่าจะสามารถอนุมัติและบังคับใช้ได้ภายในช่วงเวลาอันสั้นนี้ ซึ่งประเด็นดังกล่าวช่วยให้ตัวแปรที่นักลงทุนติดตามมานานหมดไปเป็นบวกต่อตลาดหุ้นโดยรวม รวมทั้งการรายงานตัวเลขยอดการขายบ้านคงค้าง ในวันที่ 28 ธันวาคม คาดว่าจะออกมาที่ +0.5% YoY ชะลอตัวลงจากช่วงก่อนหน้าที่ -0.6% YoY และวันที่ 29 ธันวาคมจะมีการรายงานตัวเลขการขอสวัสดิการว่างงาน โดยคาดว่าจะออกมาที่ 2.36 แสนตาแหน่ง ลดลงจากช่วงก่อนหน้าที่ 2.45 แสนตาแหน่ง

ขณะที่ราคาน้ำมันดิบยังมีแนวโน้มผันผวน แต่สัปดาห์ที่ผ่านมาได้แรงหนุนจากการที่ EIA ประกาศสต็อกน้ามันดิบของสหรัฐปรับตัวลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 5 ซึ่งเมื่อดูราคาน้ำมันดิบโดยรวมราคาปรับตัวขึ้นจากช่วงไตรมาส 3 ประมาณ 14% QoQ

ด้านเอเชีย จะมีการรายงานตัวเลขอัตราการว่างงานของไทย ที่คาดว่าจะออกมาที่ 1.3% คงที่จากช่วงก่อนหน้า ตัวเลขดังกล่าวจะรายงานในวันที่ 28 ขณะเดียวกันจะมีการรายงานตัวเลขอัตราการว่างงานจากทางญี่ปุ่นในวันที่ 26 คาดว่าจะออกมาที่ 2.8% และรายงานเงินเฟ้อคาดว่าจะออกมาฟื้นตัวที่ 0.8% เพิ่มขึ้นจากช่วงก่อนหน้าที่ 0.2% รวมทั้งในวันที่ 28 จะมีการรายงานตัวเลขยอดค้าปลีกจากทางญี่ปุ่น คาดว่าจะออกมาที่ +1.2% YoY จากช่วงก่อนหน้าที่ -0.2% YoY และตัวเลขดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมล่วงหน้า คาดว่าจะออกมาที่ 6.4% เพิ่มขึ้นจากช่วงก่อนหน้าที่ 5.9% e-book-1-503x62