ลงทุนปีลิง หุ้นไทยไม่เด่น ชวนเผ่นไปนอก พันธบัตร-เงินฝาก ดอกต่ำเตี้ย

04 ม.ค. 2559 | 13:00 น.
เปิดศักราชปี 2559 นักษัตรลิง "ฐานเศรษฐกิจ" ขอทักทายท่านผู้อ่านด้วยการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์การออม การลงทุน และคำแนะนำการจัดสรรเงินหรือพอร์ตลงทุนเพื่อเป็นคู่มือสำหรับการลงทุนสำหรับปีลิง เมื่อพิเคราะห์จากปัจจัยทั้งภายในและภายนอกประเทศ ถือได้ว่าเป็นปีแห่งความท้าทายและวัดฝีมือเซียนมากกว่าปีที่ผ่านมา

[caption id="attachment_24629" align="aligncenter" width="600"] คาดการณ์ผลตอบแทนจากการลงทุนปี 2559 คาดการณ์ผลตอบแทนจากการลงทุนปี 2559[/caption]

[caption id="attachment_24630" align="aligncenter" width="600"] aaatp16-3119-b คาดการณ์ผลตอบแทนจากการลงทุนปี 2559[/caption]

นักลงทุนสถาบันและนักวิเคราะห์ มองว่าปี 2559 จะเป็นปีที่หาผลตอบแทนยากลำบาก จากความผันผวนของราคาสินทรัพย์เกือบทุกประเภท เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกและการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ไม่เท่ากัน ทำให้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยมีทั้งขาขึ้น และขาลง โดยเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาที่ฟื้นตัว ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯหรือเฟด ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องในปี 2559 ขณะที่ประเทศอื่น ๆมีความเสี่ยงปรับลดอัตราดอกเบี้ย ส่วนประเทศไทยนั้น มีการคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะทรงตัวถึงสิ้นปี 2559

 "หุ้น" สินทรัพย์เดียวเป็นบวก

โฟกัสมาที่สินทรัพย์การลงทุนปี 2559 จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยโลกที่ขาดสมดุล จะทำให้กระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายหรือฟันด์โฟลว์ผันผวน ผลที่ตามมาคือ ตลาดอัตราแลกเปลี่ยนและตลาดตราสารหนี้ผันผวนตาม ซึ่ง "คมศร ประกอบผล" หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ กล่าวว่า ปี 2559 หุ้นอาจเป็นสินทรัพย์เดียวที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวก ส่วนสินทรัพย์อื่นเสี่ยงติดลบ โดยเฉพาะตราสารหนี้ และทองคำ ซึ่งจะถูกกดดันจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่แข็งค่า

ส่วนหุ้นไทยเมื่อดูผลตอบแทนแล้วก็ไม่ถือว่าขี้เหร่มาก แต่จะผันผวนสูงมาก โดยนักวิเคราะห์ให้กรอบต่ำสุดที่ดัชนี 1,098 จุด และอาจสวิงสูงที่ 1,500 จุด จากแรงกดดันเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ย บวกกับเศรษฐกิจจีน และเศรษฐกิจยุโรป ที่นักวิเคราะห์ยังเสียงแตก โดยบางสำนักมองว่ายังชะลอตัว ซึ่งจะกระทบการส่งออก ขณะที่นักวิเคราะห์ระบุว่าต้องจับตาการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ ที่จะหนุนให้เศรษฐกิจฟื้นตัว

พี่ใหญ่แห่งวงการตลาดหุ้นไทย "ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ" ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)(บมจ.) มองปี 2559 ภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นไทยยังไม่น่าสนใจเข้าลงทุน เนื่องจาก 3 ธุรกิจหลักซึ่งมีน้ำหนักต่อการลงทุนในตลาดหุ้นสัดส่วนสูง คือ กลุ่มพลังงาน กลุ่มสื่อสาร และกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ผลประกอบการยังไม่ดี

 หุ้นเยอรมนี-ญี่ปุ่น-สหรัฐฯ ดึงดูด

เมื่อสแกนตลาดหุ้นที่น่าสนใจลงทุนมากที่สุดนักลงทุนสถาบัน และนักวิเคราะห์ ชูตลาดหุ้นยุโรป และตลาดหุ้นญี่ปุ่น โดยให้เหตุผลว่าทั้งสองตลาดจะปรับขึ้นหรืออัพไซด์มากกว่าตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา ส่วนตลาดหุ้นเกิดใหม่ ซึ่งรวมไทย จะให้ผลตอบแทนสู้ตลาดที่พัฒนาแล้วไม่ได้ เนื่องจากตลาดเกิดใหม่จะมีความเสี่ยงจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่แข็งค่า ซึ่งจะทำให้มีเงินทุนไหลออก (ดูตารางคาดการณ์ผลตอบแทนจากการลงทุนปี 2559) ขณะที่ดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าตลาดหุ้นที่จะได้ประโยชน์และปรับตัวดีขึ้น คือ ยุโรปและสหรัฐฯ

"สาห์รัช ชัฎสุวรรณ" ผู้อำนวยการสายการตลาด บลจ.ทิสโก้ฯ กล่าวว่า กลยุทธ์การลงทุนในปี 2559 บลจ. ทิสโก้ฯ จึงยังคงมุมมองเดิมต่อการลงทุนในตลาดหุ้นของกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลักที่เน้นผ่อนคลายด้านนโยบายการเงินในปี 2559 โดยแนะนำทยอยสะสมหุ้นเยอรมนี, หุ้นญี่ปุ่น และ หุ้นจีน

ทั้งนี้มองว่าเศรษฐกิจเยอรมนียังคงแข็งแกร่งที่สุดในยุโรปและมีแนวโน้มขยายตัวได้ดี โดยธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี) มีมาตรการทำคิวอีต่อเนื่อง และมีปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของเงินยูโร ประกอบกับปัจจุบันหุ้นเยอรมนียังซื้อขายที่ระดับพีอี เรโช ต่ำที่สุดในยุโรป สำหรับตลาดหุ้นญี่ปุ่น เศรษฐกิจญี่ปุ่นยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง จากปัจจัยสนับสนุนการลงทุนและการบริโภคภาคเอกชน และการที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) อัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบ รวมถึงการอ่อนค่าของเงินเยนยังส่งผลดีต่อตลาดหุ้นญี่ปุ่น

ส่วนตลาดหุ้นจีน บลจ.ทิสโก้ฯ มองว่าการชะลอลงของเศรษฐกิจจีนในช่วงที่ผ่านมาเป็นเพียงปัจจัยลบชั่วคราว เชื่อว่าเศรษฐกิจจีนจะดีขึ้นจากแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ รวมถึงการบังคับใช้มาตรการต่างๆ เพื่อดูแลเสถียรภาพของตลาดหุ้น ซึ่งย่อมส่งผลดีต่อตลาดหุ้นจีน อีกทั้งหุ้นจีนยังราคาถูก

สอดคล้องกับ "ดร.ก้องเกียรติ" ที่แนะนำให้กระจายการลงทุนไปยังต่างประเทศ เช่น ตลาดหุ้นสหรัฐฯจากเศรษฐกิจฟื้นตัวที่ดี ยุโรปทิศทางเศรษฐกิจค่อยๆฟื้นตัว ขณะที่ญี่ปุ่นจะมีผลดีค่าเงินเยนที่อ่อนและจะมีการจัดโอลิมปิกในปี 2563 และตลาดหุ้นจีนแต่ต้องเลือกเป็นรายบริษัทที่ราคาไม่แพงมาก

 "อสังหาฯ" คำตอบหนีดบ.ต่ำเตี้ย-หุ้นผันผวน

มาที่การลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นที่นักลงทุนควรมีติดพอร์ต "เขมชาติ สุวรรณกุล" ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บลจ.กสิกรไทยฯ แนะว่าในภาวะที่ตลาดหุ้นผันผวนและดอกเบี้ยเงินฝากในประเทศที่อยู่ในระดับต่ำ การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ผ่านกองทุนรวมถือว่าน่าสนใน เนื่องจากกองทุนอสังหาฯ เป็นทรัพย์สินที่มีรายได้แน่นอนโดยเฉพาะรายได้หลักที่มาจากค่าเช่า ผู้ลงทุนจึงมีโอกาสรับรายได้อย่างสม่ำเสมอจากเงินปันผลตามนโยบายของกองทุน และยังอาจสามารถสร้างโอกาสรับผลตอบแทนจากการซื้อขายทำกำไรในตลาดหลักทรัพย์ฯอีกด้วย

เช่นเดียวกับ "บุญชัย เกียรติธนาวิทย์" กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บลจ.ธนชาตฯ แนะนำให้ผสมสินทรัพย์ประเภทอสังหาริมทรัพย์ลงในพอร์ตการลงทุน เพื่อลดความผันผวนที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต เพราะกองทุนอสังหาฯมีความผันผวนในระดับต่ำเมื่อเทียบกับความผันผวนของหุ้นไทย และในทางหนึ่งก็จะเป็นการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับการลงทุนในตราสารหนี้เพียงอย่างเดียว

  "ทองคำ" ปี 59 ยังเป็นขาลง

สำหรับทิศทางราคาทองคำปี 2559 "จิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี" นายกสมาคมค้าทองคำ มองว่ายังเป็นขาลง ปัจจัยลบหลักคือ เฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทำค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่า โดยคาดว่าราคาทองคำเคลื่อนไหวในระดับ 1,060 - 1,200 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ ส่วนราคาทองคำในประเทศอยู่ที่บาทละ 17,500 - 20,500 บาท คำแนะนำการลงทุนในทองคำปี 2559 จึงควรเป็นระยะสั้น

ศูนย์วิจัยทองคำได้จัดทำแบบสำรวจเป้าหมายราคาทองคำทั้งในและต่างประเทศในปี 2559 ผ่านผู้ค้ารายใหญ่และนายหน้าซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่เน้นสัญญาโกลด์ฟิวเจอร์ส พบว่ากลุ่มตัวอย่างคาดว่าราคาทองคำในตลาดโลกปี 2559 อยู่ที่เฉลี่ย 1,153 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ ค่าเงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐฯเฉลี่ยปี 2559 ประมาณ 36.77 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ และราคาทองคำในประเทศเฉลี่ยในปี 2559 ประมาณ 19,750 บาทต่อบาททองคำ

 เงินฝากรอจังหวะลงทุนภาครัฐ

ฟากเงินฝากช่วง 11 เดือนของปี 2558 ยอดคงค้างเงินฝากธนาคารในระบบอยู่ที่ 11.13ล้านล้านบาทเพิ่ม 2.63% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งธนาคารพาณิชย์มีการปรับตัวรองรับเกณฑ์การดำรงสินทรัพย์สภาพคล่อง (Liquidity Coverage Ratio: LCR) ตามมาตรฐาน Basel III ที่จะบังคับใช้ในปี 2559 โดยทยอยใช้ตั้งแต่ระดับ 60%ของประมาณการกระแสเงินสดที่อาจไหลออกสุทธิใน 30 วันจนครบระดับ 100% ในปี 2563

"ธัญญลักษณ์ วัชระชัยสุรพล" ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ระบุในไตรมาสที่ 4 ปี 2558 ทั้งระบบธนาคารพาณิชย์และธนาคารเฉพาะกิจออกรัฐ ออกโปรดักต์เงินฝากใหม่เพียง 15 โปรดักต์ และออกโปรดักต์ที่ครบกำหนดถึง 18 โปรดักต์โดยสภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์และธนาคารต่างชาติรวมอยู่ที่ 4.85 ล้านล้านบาท ซึ่งเมื่อเทียบกับสินทรัพย์สภาพคล่อง จะพบว่าสภาพคล่องลดลงจาก 29.1% ในปี 2557 มาอยู่ที่ 28.2% ในปี 2558

อย่างไรก็ดี แม้สภาพคล่องลดลงแต่คงไม่มากพอที่จะทำให้ธนาคารพาณิชย์ขยับอัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี(MLR) และดอกเบี้ยออมทรัพย์ แต่อาจจะเห็นดอกเบี้ยบางตัวขยับขึ้นเล็กน้อย เช่น ผลตอบแทนของพันธบัตรระยะกลาง-ยาวมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่วนทิศทางผลิตภัณฑ์เงินฝากของธนาคาร จะเห็นออกในทุกไตรมาส แต่จะเป็นการออกเพื่อชดเชยที่ครบกำหนด

"ยุทธชัย เตยะราชากุล" รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารยูโอบี (ไทย) จำกัด(มหาชน)(บมจ.) กล่าวว่า ในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยยังคงอยู่ในระดับต่ำ ทำให้ไม่ดึงดูดการฝากเงิน ประกอบกับธนาคารพาณิชย์ไม่แข่งขันระดมเงินฝาก แต่ความจำเป็นในการดำรงสภาพคล่องตามกฎเกณฑ์LCR ที่จะเข้ามาปี2559 จึงมีการออกโปรดักต์ใหม่ แต่อัตราดอกเบี้ยถูกจำกัดไว้เฉลี่ยไม่เกิน 2% ต่อปี ทำให้ภาพรวมตลาดเงินฝากปี 2558 ค่อนข้างเงียบเพราะทุกคนจะถูกกดด้วยราคา ซึ่งผู้มีเงินฝากที่ยังคงต้องการฝากเงิน และมีเงินที่ยังไม่จำเป็นรีบร้อนต้องใช้ หรือเงินเย็นจะเลือกฝากเงินแบบระยะยาว 3-5 ปี ที่เป็นโปรดักต์ฝากประจำทุกเดือนเฉลี่ยเท่ากันทุกเดือน หรือเลือกฝากหรือลงทุนในกองทุนรวมต่างๆ ที่อาจจะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยดีกว่าเงินฝากออมทรัพย์ เพราะหากดูแนวโน้มเชื่อว่าอัตราดอกเบี้ยจะยังคงอยู่ในระดับต่ำ หรือคงไว้ที่ 1.50% ถึงสิ้นปี 2559

"อดิศร เสริมชัยวงศ์" รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจรายย่อย บมจ.ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย คาดการณ์แนวโน้มปี2559 โปรดักต์เงินฝาก ไม่หวือหวานักทำให้ธนาคารพาณิชย์ไม่เร่งรัดระดมเงินฝากแต่ผลิตภัณฑ์ด้านการลงทุนจะขยายตัวดีเนื่องจากลูกค้ายังต้องการผลตอบแทนที่สูงทำให้ส่วนใหญ่การออมอยู่ในรูปของโปรดักต์การลงทุน

แนะล็อกเงินฝากสั้นไม่เกิน 1 ปี

ส่วนคำแนะนำการออมเงินในผลิตภัณฑ์เงินฝาก "กิติยา ฤกษ์ภูริทัต" ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บมจ.ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่าในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายยังคงที่ระดับต่ำ 1.5% และคาดว่าแนวโน้มยังไม่มีการปรับขึ้นดอกเบี้ย ควรจะล็อกเงินฝากไว้ในโปรดักต์ระยะสั้นไม่เกิน 1 ปี เพราะหากล็อกเงินฝากนานกว่านี้อาจจะทำให้สูญเสียโอกาสในการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า หรือหากอัตราดอกเบี้ยปรับขึ้นจะได้โยกเงินฝากทัน

ขณะที่ "กิติยา" มองภาพรวมเงินฝากปี 2559 ช่วงต้นปีจะเป็นการแข่งขันเพื่อเก็บรักษาฐานเงินฝากและลูกค้าเก่าไว้ จึงยังไม่เห็นการแข่งขันหรือโปรดักต์ที่หวือหวานักทำให้ในช่วงครึ่งปีแรกอาจจะเห็นแค่โปรดักต์เงินฝากที่รักษาฐานลูกค้าเก่า เงินฝากครบดีล แต่คาดว่าจะเห็นการระดมเงินฝากช่วงไตรมาสที่ 2 หลังจากการลงทุนของภาครัฐทยอยเห็นผล จะเริ่มเห็นความต้องการใช้สินเชื่อที่มากขึ้น และเป็นตัวขับเคลื่อนให้เงินฝากขยายตัวตาม

มาถึงบรรทัดสุดท้าย ไม่มีประโยคใดคลาสสิกเท่ากับการเอ่ยว่า "ขอให้โชคดี" กับการลงทุนตลอดปีลิงดุ การศึกษาข้อมูลประกอบการลงทุนรอบด้าน และมีวินัยในการลงทุนอย่างเคร่งครัด โอกาสก็เป็นของผู้นั้น นั่นหมายถึงพอร์ตการลงทุนไม่ติดลบ

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3,119 วันที่ 3 - 6 มกราคม พ.ศ. 2559