ทางออกนอกตำรา : “เจ้าสัวเจริญ” จ่ายดอกเบี้ย ซื้อเบียร์เวียดนาม ปีละ 6.4 พันล้าน

23 ธ.ค. 2560 | 17:29 น.
อัปเดตล่าสุด :24 ธ.ค. 2560 | 00:29 น.
54561445

525 ปฏิบัติการของกลุ่มไทยเบฟ ของ เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี ที่ยอมทุ่มเงินก้อนมหึมาเกือบ 1.6 แสนล้านบาท หรือประมาณ 5,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ไปซื้อหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 54% ในบริษัท เบียร์และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไซง่อน จำกัด (Saigon Beer Alcohol Beverage Corp.) หรือ ซาเบโก ผู้ผลิตเบียร์อันดับ 1 ของเวียดนาม ซึ่งนับเป็นการแปรรูปรัฐวิสาหกิจที่มีมูลค่ามากที่สุดของประเทศคอมมิวนิสต์แห่งนี้ ยังกลายเป็นประเด็นร้อนที่พูดคุยกันในตลาดหุ้น ตลาดเงินและนักธุรกิจในเวียดนาม จีน ฮ่องกง และสิงคโปร์
1_73129

เนื่องจากการตัดสินใจซื้อหุ้นในเบียร์ซาเบโกของเวียดนามถึง 1.6 แสนล้านบาท นั้นถือว่า “ไม่ธรรมดา”

เงิน 5,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ก้อนนี้ ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงกับ ”งบประมาณ”ของกระทรวงวางแผนและการลงทุน และกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า 2 กระทรวงหลักของเวียดนาม ที่ได้รับการจัดสรรมาใช้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจในแต่ละปี
bizd_0712_psj_p8a_psj_1 ที่สำคัญเงินก้อนนี้ มีค่าในการแลกกับการถือหุ้นแค่ 54% นั่นเท่ากับว่า มูลค่าของเบียร์ซาเบโก ที่เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์เบียร์ 3 ยี่ห้อ คือ เบียร์ซาเบโก เบียร์ไซ่ง่อน สเปเชียล และ เบียร์ บาร์ บาร์ บาร์ (ยี่ห้อ 333) ที่รัฐบาลเวียดนามเองก็คาดไม่ถึง จะมีมูลค่าจริงถึง 3.5 แสนล้านบาท หรือเกือบ 10,000 ล้านดอลล่าร์ ทั้งๆที่ครองตลาดอยู่แค่ 40.9%

มาร์เก็ตแชร์ส่วนที่เหลือเป็นเบียร์ไฮเนเก้น 23% เบียร์ฮาเบโก ของบริษัท ฮานอยเบียร์ฯ 18.4% คาร์ลสเบิร์ก 7.6% เบียร์ช้าง เบียร์สิงห์ ชิงเต่า ไทยเกอร์ 8.6% เบียร์ซัปโปโร 1.5%

ทุกสำนักในต่างประเทศล้วนประเมินไปในทางเดียวกันว่า การตัดสินใจซื้อเบียร์ซาเบโก 1.6 แสนล้านบาท ของเจ้าสัวเจริญ แลกกับการถือหุ้นใหญ่ 54% นั้น “โอเวอร์ ไพรซ์” หรือซื้อแพงเกินราคาจริงไปไม่น้อยกว่า 30-40%
121717_saigon นี่จึงเป็นสาเหตุที่สะท้อนออกมาในราคาหุ้น “ไทยเบฟ” ที่ซื้อขายในตลาดสิงคโปร์ว่าทำไม “ราคาหุ้นจึงทิ้งดิ่ง” ลงมาจากเดิมที่ซื้อขายกับหุ้นละ 0.95-0.98 ดอลล่าร์สิงคโปร์ ทิ้งทุ่นลงมาซื้อขายกันที่ราคาหุ้นละ 0.90-0.92 ดอลล่าร์สิงคโปร์ ในระยะสัปดาห์ที่ผ่านมา

ผิดกับช่วงที่กลุ่มไทยเบฟควักเงินเข้าซื้อกิจการบริษัท เฟรเซอร์ แอนด์ นีฟ หรือ F&N ด้วยมูลค่ากว่า 336,000 ล้านบาท สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ของการซื้อกิจการในอาเซียนเพื่อต่อยอดธุรกิจอาหาร เครื่องดื่ม โลจิสติกส์ ตลอดจนอสังหาริมทรัพย์ ที่ F&N มีอยู่ทั่วอาเซียน หุ้น TBEV มีความเคลื่อนไหวที่ “คึกคัก” ขึ้นมาทันที

431e4-saigon

ยิ่งเมื่อเจ้าสัวเจริญเทคโอเวอร์ บิ๊กซี ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ไก่ย่างKFC ราคาหุ้น TBEV เติบโตอย่างรวดเร็ว ไต่ระดับจากราคาเทรดวันแรก 0.28 ดอลล่าร์ฮ่องกง ไปจนราคาหุ้นขึ้นไปแตะระดับสูงสุดที่ 1.05 เหรียญสิงคโปร์ ก่อนจะปรับฐานลงมาซื้อขาย 0.95 เหรียญสิงคโปร์
download (1) อาจกล่าวได้ว่า กลยุทธ์การไล่ซื้อเทคโอเวอร์ของเจ้าสัวเจริญ เป็นปัจจัยที่ทำให้ราคาหุ้น TBEV คึกคักและกลายมาเป็น Growth Stock ที่หุ้น TBEV ถูกจัดอันดับให้เป็นหุ้นบลูชิพที่มีผลงานดีเป็นอันดับที่สามของตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ (SGX) โดยราคาหุ้นได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 27% มีมูลค่าตลาดรวม 21,600 ล้านเหรียญสิงคโปร์ หรือ 540,000 ล้านบาท มีมาร์เกตแคปใหญ่อันดับเจ็ดของสิงคโปร์ ตามหลัง แบงก์ DBS หุ้น Singtel หุ้น Capital Mall ไปติดๆ แต่การซื้อเบียร์ซาเบโกรอบนี้กลับไม่ทำให้ราคาหุ้นไทยเบฟขยับขึ้นแม้แต่น้อย...
1514049715908 ผมมีโอกาสพูดคุยซักถาม ฟันด์ แมเนเจอร์  หนุ่มกลุ่มหนึ่งที่มาแลกเปลี่ยนข้อมูลกันเป็นประจำ อาทิเช่น ซิตี้แบงก์ UOB DBS HSBC UOB เคเหงียน ราฟเฟิลส์ BNP พาริบาส์ ว่าทำไมเป็นเช่นนั้น คำตอบที่ได้รับคือ “ตลาดหุ้นมองปัจจุบันว่าซื้อแพงโอเวอร์ เพราะเงิน 1.6 แสนล้านบาทนั้น ถ้าคิดดอกเบี้ยในอัตราเฉลี่ยของเจ้าสัวแค่ 4% จะต้องจ่ายดอกเบี้ยปีละ 6,400 ล้านบาท จากแต่ละปีที่กลุ่มไทยเบฟมีมูลค่าธุรกิจ 23,500 ล้านดอลล่าร์สิงคโปร์ แต่ คุณเจริญ และ คุณหนุ่มฐาปน สิริวัฒนภักดี มองไปถึงอนาคต และแม้ว่าการซื้อรอบนี้แพง แต่ระยะยาวจะดีมาก เพราะตลาดเวียดนามโตแบบก้าวกระโดดปีละ 14-20%”

LandingPage16_th_01

ที่สำคัญกว่านั้น ฟันด์แมเนเจอร์เหล่านี้บอกผมว่า ถึงตอนนี้คุณเจริญ ราคาเทคโอเวอร์แห่งไทยเบฟ ได้กลายเป็นหุ้นส่วนสำคัญของรัฐบาลพรรคคอมมิสต์เวียดนาม ที่มี เหวียน ฝู่ จ็อง เป็นเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม เจิ่น ด่าย กวาง ผู้เป็นประธานประเทศ   เหวียน ซวน ฟุก นายกรัฐมนตรี และ เนางเหงียน ถิคิม ประธานรัฐสภา ของเวียดนาม ไปแล้ว เพราะเสนอราคาให้รัฐบาลชนิดที่ใครก็อ้าปากเหวอ คัดค้านไม่ได้ มีแต่คำขอบคุณ ขอบคุณ และขอบคุณ

การตัดสินใจซื้อหุ้นเบียร์ซาเบโกที่รัฐบาลเวียดนามแปรรูปรัฐวิสาหกิจของกลุ่มไทบเบฟในครั้งนี้ คิดเป็นเกือบ 1 ใน 5 ของเงินลงทุนโดยตรงในแต่ละปีที่เข้ามาลงทุนในเวียดนามเลยทีเดีย เมื่อพิจารณาจากยอดเฉลี่ยปีละ 14,500 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ maxresdefault “เมล็ดเงิน” ที่เจ้าสัวเจริญผู้มีทรัพย์สิน 1.91 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 6 แสนล้านบาท ปลูกลงไปในเวียดนามนั้น ได้ทำให้เขากลายเป็นหุ้นส่วนสำคัญของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามไปแล้ว

แต่จะออกดอกผลเช่นเดียวกับการที่ “เคียกเม้ง แซ่โซว หรือนายเจริญ ศรีสมบูรณานนท์” ที่ต่อมาได้เปลี่ยนนามสกุลเป็น "สิริวัฒนภักดี" ไปเมื่อปี 2530 ในห้วงที่ยอมตัดสินใจเสนอราคาประมูลโรงเหล้า 12-32 โรง จากกรมสรรพสามิตที่หมดสัญญาลงด้วยมูลค่ากว่า 5,200 ล้านบาท ขณะที่คู่แข่งที่เป็นกลุ่มธุรกิจเศรษฐีโรงเหล้า 29 ราย ลงขันกันเสนอผลตอบแทนให้รัฐแค่ 3,200 ล้านบาท จนสามารถสร้างอาณาจักรเบียร์ช้าง ให้ก้องโลกในปัจจุบันหรือไม่ ต้องติดตามกันครับ

........................
คอลัมน์ : ทางออกนอกตำรา /หน้า 6 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ  /ฉบับ 3325 ระหว่างวันที่ 24-27 ธ.ค.2560
25555503_1605774632850023_221603244_n