"ไคตั๊ก"อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำ ทำให้ภาคใต้ตอนล่างฝนเพิ่มขึ้น

-23 ธ.ค.60-นายกอบชัย บุญอรณะ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) กระทรวงมหาดไทย เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานสภาวะอากาศ ประจำวันที่ 23 ธันวาคม 2560 พายุดีเปรสชั่น "ไคตั๊ก" บริเวณด้านตะวันออกของประเทศมาเลเซีย จะเคลื่อนเข้าประเทศมาเลเซียและจะสลายตัวในระยะต่อไป อาจส่งผลให้ภาคใต้ตอนล่างโดยเฉพาะพื้นที่ ตั้งแต่จังหวัดพัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ตรัง และสตูล มีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำล้นตลิ่ง น้ำท่วมขัง และน้ำท่วมฉับพลัน จึงเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ในบริเวณพื้นที่ดังกล่าว

ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีกำลังแรง ตั้งแต่ จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป คลื่นสูงประมาณ 2-4 เมตร ชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง เรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง และประชาชนบริเวณชายฝั่งให้ระมัดระวังคลื่นลมที่พัดเข้าหาฝั่งในระยะนี้

นายกอบชัย กล่าวต่อไปว่า ส่วนวายุโซนร้อน "เทมบิน" บริเวณประเทศฟิลิปปินส์ ทิศทางการเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก มีแนวโน้มเคลื่อนขึ้นประเทศเวียดนาม และจะอ่อนกำลังลงแล้วสลายตัวบริเวณประเทศเวียดนามตอนใต้ ขณะนี้พายุยังไม่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทย

น.สพ.สรวิศ ธานีโต โฆษกและผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เผยว่า ศูนย์ติดตามและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตร ว่า ช่วงภัยวันที่ 20 พฤศจิกายน 2560 – ปัจจุบันอิทธิพลของหย่อมความกดอากาศต่ำ ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้เกิดฝนตกหนักถึงหนักมากในพื้นที่ภาคใต้ ส่งผลให้เกิดอุทกภัยตั้งแต่วันที่ 20 พ.ย. 60 เป็นต้นมา สถานการณ์อุทกภัยภาคใต้ ในพื้นที่ 13 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ นครศรีธรรมราช นราธิวาส สงขลา พัทลุง ปัตตานี ยะลา ตรัง สตูล สุราษฎร์ธานี กระบี่และชุมพร สถานการณ์คลี่คลายแล้ว 11 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ กระบี่สตูล ยะลำ ชุมพร นราธิวาส ปัตตานี ตรัง สงขลา และพัทลุง

"ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ 2จังหวัด ได้แก่จังหวัดนครศรีธรรมราช มีฝนตกปานกลางในพื้นที่ ยังคงมีน้ำท่วมขัง 3 อำเภอ ได้แก่ อ.ชะอวด เชียรใหญ่ และหัวไทร แนวโน้มคลองสายหลักมีระดับน้ำลดลงต่ำกว่าตลิ่งแล้ว ผลกระทบด้านการเกษตร พื้นที่ได้รับผลกระทบ 13 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ตรัง นครศรีธรรมราช นราธิวาส ปัตตานี พัทลุง ยะลา สงขลา สตูล สุราษฎร์ธานี กระบี่ และชุมพร เกษตรกรรวม 627,437 ราย สำรวจพบความเสียหายแล้ว เกษตรกร 7,572 ราย คิดเป็นวงเงินช่วยเหลือ 154.96 ล้านบาท"