หุ้นไทยปีนี้ดีกว่าปีที่แล้วแน่

04 ม.ค. 2559 | 10:30 น.
เมื่อปลายปี 2557 เคยคาดการณ์ล่วงหน้าไว้ว่าหุ้นไทย ณ สิ้นปี 2558 คงสูงถึงระดับ 1,700 จุด แต่เอาเข้าจริงๆ หุ้นไทยสิ้นปี 2558 ปิดไป 1,300 จุดบวกลบเล็กน้อย ถือว่าปี 2558 ทำให้นักลงทุนไทยส่วนใหญ่ที่เล่นหุ้นในตลาดผิดหวังไปตามๆ กัน ลำพังเพียง 3 ปีก่อนหน้านี้ตลาดหุ้นไทยมีเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศหายไปจากตลาดราว 400,000 ล้านบาท เรียกว่าเงินจากกองทุนต่างชาติทั้งระยะสั้นและระยะกลางแทบจะหายออกไปจากไทยเกือบหมดแล้ว และปี 2558 ปลายปีก็หายไปอีกเพราะเฟดสหรัฐอเมริกาปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เมื่อปลายเดือนธันวาคมทำให้เม็ดเงินยิ่งหายไปอีก ทำให้ตลาดหุ้นไทยกะปลกกะเปลี้ยเต็มที สำหรับปี 2559 นี้ "มืออาชีพ" มองกันว่าหากเศรษฐกิจโลกโดยรวมดีขึ้น ตลาดหุ้นไทยคงได้รับความสนใจเข้ามาลงทุนเพราะมีความน่าสนใจเป็นอันดับต้นๆ ในภูมิภาคเนื่องจากราคายังถูกและมีเรื่องราวที่จะทำกำไรได้

ร่องรอยของเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกยังมองว่ายังอยู่ในร่องที่ไม่ดี เพราะเศรษฐกิจโลกโดยรวมยังอยู่ในเกณฑ์ต่ำ จะมีแต่สหรัฐอเมริกาที่เศรษฐกิจขยับขึ้นไปได้บ้างแต่เพียงเล็กน้อย ซึ่งสหรัฐฯเรียกว่าเริ่มฟื้นตัวแล้วจึงได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อปลายปี จากที่ไม่เคยปรับขึ้นมาเลยเกือบ 9 ปีเต็ม แต่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯจะค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งการขึ้นดอกเบี้ยดังกล่าวทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งขันเล็กน้อยและค่าเงินสกุลอื่นอ่อนค่าลงเล็กน้อยในมุมตรงกันข้าม ซึ่งอาจส่งผลดีในด้านการส่งออกของบริษัทผู้ผลิตและส่งออกเพราะราคาสินค้าถูกลง

ขณะที่เศรษฐกิจในยุโรปยังไร้วีแววจะดีขึ้นจริงๆ ได้ อันเนื่องมาจากความเหลื่อมล้ำของรากฐานเศรษฐกิจของประเทศในยุโรปที่มีมาแต่ดั้งเดิมแต่กลับใช้เงินสกุลยูโรสกุลเดียว ปล่อยเสรีการเคลื่อนย้ายของผู้คนที่มาจากประเทศสมาชิก ทำให้เป็นภาระโดยรวมแก่ประชาชนโดยทั่วไปในประเทศที่เจริญกว่า และปัจจัยใหม่ที่มากระทบในกลุ่มประเทศยุโรปก็คือ กลุ่มประเทศยุโรปประกาศแซงก์ชันรวมทั้งสหรัฐฯด้วย ต่อประเทศรัสเซีย ส่งผลให้การค้าการลงทุนที่เคยพึ่งพาต่อกันต้องประสบกับความยากลำบาก และการยกระดับการรุกรบของกลุ่มขบวนการรัฐอิสลามหรือไอเอสในการบุกเข้าโจมตีในประเทศยุโรปโดยตรงทำให้ความมั่นคงของประเทศที่ถูกโจมตีต้องด่างพร้อยลงไป นักท่องเที่ยวงดเดินทาง ธุรกิจทั้งที่พักอาศัย ยวดยานพาหนะ ตลอดจนส่วนอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวต้องซบเซาลงไป ซึ่งสิ่งเหล่านี้ยังคงต่อเนื่องมาในปี 2559 ด้วย

ญี่ปุ่นถึงจุดอิ่มตัวของการลงทุนในประเทศมาหลายสิบปีแล้ว จึงมุ่งขยายต่อในภูมิภาคอื่นอย่างต่อเนื่อง เป็นการปรับตัวตามการพัฒนาเศรษฐกิจในภูมิภาคต่างๆ ซึ่งล่าสุดให้ความสนใจเข้าไปลงทุนในเมียนมาเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่จีนเองก็ถึงจุดอิ่มตัวของการลงทุนในประเทศแล้วเช่นกันและกำลังบุกเบิกลงในต่างประเทศ และปี 2558 เกิดการพลิกกลับของการขยายตัวเศรษฐกิจในจีนจากเติบโตระดับดับเบิลดิจิตหรือตัวเลข 2 หลัก เป็นตัวเลขหลักเดียวและขยายตัวต่ำกว่า 7% เป็นปีแรกด้วย ทำให้ภาพของความอิ่มตัวด้านการลงทุนในประเทศของจีนมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น

ความหวังที่เศรษฐกิจปี 2559 จะดีขึ้นโดยภาพรวมก็ต่อเมื่อ 3 สิ่งนี้ต้องเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี คือ 1. ความปรองดองกันระหว่างกลุ่มสหภาพยุโรปและสหรัฐฯกับรัสเซียต้องมี 2. ต้องป้องกันและปราบปรามกลุ่มไอเอสให้ได้ และ 3. ต้องกลับไปพึ่งพาการฟื้นตัวของน้ำมันดิบโดยกลุ่มโอเปกให้ได้ ซึ่งเท่าที่ประเมินดูแล้วทั้ง 3 รายการนี้ยังเป็นเรื่องที่ยาก เพราะเรื่องแรกกลุ่มประเทศยุโรปก็เพิ่งประกาศใช้มาตรการแซงก์ชันทางเศรษฐกิจต่อรัสเซียต่อไปจนถึงกลางปี 2559 นี้ เรื่องที่ 2 การป้องกันและปราบปรามกลุ่มไอเอสจะเกิดขึ้นได้ยาก เพราะกลุ่มไอเอสที่กระจายลงมือในประเทศต่างๆ ไม่ว่าจะในยุโรป หรือในสหรัฐอเมริกา หรือแม้แต่ในประเทศออสเตรเลียล้วนแล้วอยู่ในที่มืด ไม่ทราบว่าใครเป็นใครในระหว่างคนในชาติ ส่วนในที่แจ้งก็คือกลุ่มไอเอสในอิรักและในซีเรียก็ปราบปรามพอได้บ้าง แต่ก็ไม่เห็นใครทำการปราบปรามอย่างจริงจังเหมือนกับที่รัสเซียทำ

สรุปแล้วในความเห็นของผมต่อเรื่องหุ้นไทยในปี 2559 ประเมินว่าน่าจะอยู่ในระดับ 1,400-1,500 จุด แม้ว่าเศรษฐกิจไทยอาจจะกระเตื้องขึ้นเล็กน้อยก็ตาม เพราะมีหลายเรื่องราวที่น่าสนใจลงทุนไม่ว่าด้านการก่อสร้าง ด้านการสื่อสาร ด้านการรักษาพยาบาล และแม้แต่ธนาคาร ครับ

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3,119 วันที่ 3 - 6 มกราคม พ.ศ. 2559